Mohnfahsai Home Resort
ม่อนฟ้าใส โฮมรีสอร์ท บ้านที่สร้างด้วยดิน
เมื่อนึกถึง จ.เชียงราย สิ่งแรกที่นึกถึงนั่นคือ เอกลักษณ์ของงานศิลปะ เป็นจังหวัดที่มีศิลปินแห่งชาติหลายท่าน ที่โด่งดังมีชื่อเสียง อาทิเช่น อ.เฉลิมชัย และ อ..ถวัลย์ ดัชนี ซึ่งมีผลงานพิพิธภัณฑ์บ้านดำ อยู่ใกล้ๆ กับ ม่อนฟ้าใส โฮมรีสอร์ทที่รีวิวให้ชมกันตอนนี้ สำหรับทริปในเมืองเชียงรายรอบนี้ ทีมงานบ้านไอเดียได้ไปรีวิว 2 แห่งด้วยกัน โดยม่อนฟ้าใส เป็นรีสอร์ทแรก ตั้งอยู่ชานเมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งจากที่แอดมินเองได้ขับรถเที่ยวไป วนมา ก็ไม่ได้รู้สึกว่าไกลจากตัวเมืองเลย อาจเนื่องด้วยเส้นทางถนนที่สะดวกสบาย ปริมาณรถไม่เยอะ เชียงรายเป็นอีกจังหวัดที่มีเสน่ห์ ดึงดูดให้น่าหลงไหล ชวนให้เที่ยวได้ตลอดทั้งปี หากเป็นฤดูหนาว ก็จะหนาวถึงขั้นควันออกปากกันเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงติดตรึงใจ นั่นคือความภูมิใจของชาวเชียงราย ที่มีต่อจังหวัดของตนเอง
ติดต่อ : โทร.053-776129, 053-776329
เว็บไซต์ : www.mohnfahsai.com
แฟนเพจ : www.facebook.com/mohnfahsai
พิกัด GPS : 19.889925, 99.845829
เอาหละครับ ก่อนจะพาไปเที่ยวเชียงราย ขอแนะนำรีสอร์ทบรรยากาศที่อบอุ่น ให้ความรู้สึกการพักผ่อนเหมือนเป็นอีกคนในครอบครัว รีสอร์ทแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นโดย ป้าปลาและคุณลุงหมอ ได้เริ่มสร้างบ้านเพื่อการอยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยพื้นที่ของบ้านอยู่บนเนินภูเขา ซึ่งทางเหนือจะเรียกว่า “ม่อน” ต่อมาได้มีความคิดที่จะสร้างเรือนรับรองสำหรับญาติๆ สร้างขึ้นมาเรื่อยๆ ทีละหลัง จนกลายเป็น ม่อนฟ้าใส โฮม รีสอร์ท ในปัจจุบัน การออกแบบรีสอร์ท ทำเป็นลักษณะของบ้านดินประยุกต์ สร้างไว้ในสวนมีพืชพรรณนานาชนิด สวนดังกล่าวดูแลโดยคุณลุงหมอ ในวันที่แอดมินไปวันแรก ก็เห็นคุณลุงกำลังเดินตัดหญ้า เดิมทีก็คิดว่าคนสวน ที่ไหนได้ กลับเป็นเจ้าของรีสอร์ท ยิ่งทำให้เห็นถึงความรักและความเอาใจใส่ การบริการ จะเน้นความเป็นครอบครัว ธุรกิจเล็กๆ ที่ดูแลกันเองภายในครอบครัว แน่นอนว่า หากคุณผู้ชมได้เข้าไปพัก จะได้พบคุณลุงและคุณป้า ทั้งสองท่าน ใจดีและคุยสนุกมากครับ มาที่แห่งนี้ ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ทำให้แอดมินเองรู้สึกเหมือนได้มาพักบ้านญาติต่างจังหวัด
สำหรับการตกแต่งภายใน อย่างที่บอกไปข้างต้น รีสอร์ทแห่งนี้จะเป็นบ้านดินประยุกต์ โดยผนังห้องทั้งภายในและภายนอกใช้ดินผสมปูน ซึ่งจะให้ผิวสัมผัสดั่งเช่นดิน แต่ทนทานและดูแลง่ายแบบปูน นำมาประยุกต์กับความเป็นโมเดิร์น ให้ความหรูหราและสัมผัสที่ดูเบาสบาย ผนังเพดานใช้เป็นผนังซ่อนไฟ ซึ่งจะช่วยให้ระดับแสงที่เหมาะกับการพักผ่อน ห้องที่นำมารีวิวให้ชมกันนี้ เป็นห้องประเภท Junior Suite เหมาะกับการพักผ่อนสำหรับ 2-3 ท่าน
ภายในห้องน้ำ เน้นความผ่อนคลายและดูเป็นธรรมชาติ แยกโซนเปียก โซนแห้ง โดยส่วนของอ่างล้างหน้า เว้นช่องของผนังไว้สำหรับของตกแต่ง พื้นห้องน้ำโรยด้วยหินน้ำตก และแผ่นกระเบื้องปูทางเดินนำสายตาเข้าสู่โซนอาบน้ำ เป็นการจัดสรรพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม แต่สำหรับโซนอาบน้ำนั้น เป็นโซนที่เปียกน้ำบ่อย จึงใช้ผนังกระเบื้องแทนผนังดินประยุกต์ จะดีต่อการดูแล ที่ไม่ยุ่งยากจนเกินไป
ภายในห้อง ออกแบบไว้เป็นห้องเดียว แต่หากผู้เข้าพักรู้สึกโล่งจนเกินไป สามารถปิดม่านกั้น จะได้ความเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่ผู้ร่วมพัก ยังใช้โซนโซฟารับแขก แต่เพื่อนร่วมห้องนอนหลับอยู่ ก็จะไม่รบกวนต่อกัน
การจัดสวนภายในรีสอร์ท เน้นต้นไม้หลากหลายชนิด ทั้งไม้ยืนต้นสูงใหญ่ ที่คอยให้ร่มเงา ไม้ดอก ไม้ประดับ สนามหญ้าทั่วทั้งรีสอร์ท ยิ่งหากได้มาช่วงปลายปี ถึงต้นปี เป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้ภาคเหนือกำลังบานสวยสะพรั่ง
เข้ามาชมในส่วนของโซนล็อบบี้กันต่อ การตกแต่งให้ความรู้สึกล้านนาวินเทจ ซึ่งที่แอดมินสัมผัสได้ การดีไซน์นั้นจะเน้นไปทางล้านนา แต่ของตกแต่งบางส่วนจะออกแนวอิงลิช และที่น่าชื่นชมอย่างมาก เฟอร์นิเจอร์หลายๆ ชิ้น คุณป้ามักนิยม D.I.Y. ขึ้นมาเอง โดยเน้นการหาของเก่า ที่ชำรุด หรือไม่ใช้แล้ว นำมาซ่อมแซมให้สมบูรณ์ ดูใหม่พร้อมใช้งานขึ้นอีก ภายในล็อบบี้ เชื่อมต่อกับห้องทานอาหาร ซึ่งช่วงเช้าจะมาทานอาหารที่นี่กันครับ โดยเมนูอาหาร เป็นอาหารพื้นบ้านง่ายๆ เน้นจำพวกผักเป็นพิเศษ โซนของห้องอาหาร เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำอีกด้วยครับ ขอพาคุณผู้ชมเดินเล่นในบรรยากาศยามค่ำคืนกันต่อนะครับ
ก่อนเข้านอน แอดมินได้ขับรถไปในตัวเมือง เพื่อเดินชมถนนคนเดินเชียงราย เป็นถนนคนเดินที่มีสินค้าพื้นเมืองเยอะพอสมควร ทั้งสินค้าหัตถกรรม เสื้อผ้า ของฝาก และอาหารอร่อยๆ หลังจากนั้นได้ไปชมหอนาฬิกาที่สวยที่สุดในประเทศไทย ออกแบบโดย อ.เฉลิมชัย ศิลปินแห่งชาติ หอนาฬิกาแห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในยามค่ำคืนของเมืองเชียงราย จะมีจุดเด่นโดย สามารถเปลี่ยนสีได้ และมีเพลงเชียงรายรำลึกบรรเลงให้ฟังกัน เชื่อได้ว่า ใครได้มีโอกาสไปยืนฟัง จะหลงรักเชียงรายมากขึ้นโดยทันทีเลยครับ
บรรยากาศยามเช้าของม่อนฟ้าใส เนื่องจากรีสอร์ทตั้งอยู่หลังสวนสมเด็จย่า ด้านหน้ารีสอร์ทจึงมีบึงน้ำ แนะนำให้รีบตื่นเช้า เพื่อเดินมารอชมพระอาทิตย์ขึ้น สัมผัสกับหมอกไต่น้ำ รูปแบบเดียวกับปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอนเลยครับ ช่วงเช้าๆ จะมีชาวบ้านวิ่งออกกำลังกาย อากาศสดชื่นเป็นอย่างมาก และหากหันหลังกลับไปที่ด้านรีสอร์ท เนื่องจากลักษณะของรีสอร์ทเป็นพื้นที่เนิน ด้านหลังจึงเป็นภูเขาสูง จะได้เห็นทะเลหมอกค่อยๆ ไต่ภูเขาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเต็มภูเขา และค่อยๆ จางหายในช่วงสายๆ ครับ หากท่านใดมาพักที่ม่อนฟ้าใส ไม่ต้องไปเที่ยวไหนก็ยังได้ เพียงแค่ชมบรรยากาศด้านหน้ารีสอร์ท ก็นับได้ว่าเป็นวิวที่ดูผ่อนคลายไม่ด้อยไปกว่าจุดชมวิวของแหล่งท่องเที่ยวเลยหละครับ
ชมหมอกกันแล้ว หากยังไม่รีบออกไปไหน อาจลองเดินขึ้นไปในสวน ชมไม้ดอก ไม่ประดับ รวมถึงไม้ผล ซึ่งด้านหลังจะมีสวนผลไม้ ซึ่งเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตกึ่งเกษตร ช่วงที่แอดมินไป คุณป้าปลา ได้พาเดินชม เดินเที่ยวในสวน คุยกันไปเพลินๆ เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว คิดๆ ไปแล้ว แอบอิจฉาชีวิตป้าปลา ที่มีรีสอร์ทเล็กๆ แม้รายได้จะไม่สามารถเทียบเท่ากับรีสอร์ทขนาดใหญ่ แต่เชื่อว่า ความสุขใจ ที่คุณลุง คุณป้ามีในทุกๆ วันนั้น ไม่สามารถเทียบมูลค่าทางการเงินได้เลย เป็นกำไรชีวิตที่แวดล้อมไปด้วยความผูกพันธ์
ก่อนจบรีวิว แอดมินขอพาเที่ยวนอกรีสอร์ทสักหน่อย สถานที่ใกล้ๆ กับม่อนฟ้าใส จะมีพิพิธภัณฑ์บ้านดำ โดย อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ ที่แห่งนี้จะมีผลงานศิลปะล้ำค่า พร้อมทั้งสถาปัตยกรรมบ้านเรือนไทยหลากหลายแบบ สามารถเข้าชมได้ฟรี และหากโชคดี อาจได้พบกับ อ.ถวัลย์ ซึ่งท่านจะอาศัยอยู่ที่นี่เลยครับ ขับรถมาอีกหน่อย แอดมินได้เข้ามาชมบรรยากาศภายใน ม.แม่ฟ้าหลวง อ่านแล้วอาจจะงงๆ เข้ามาเที่ยวทำไมมหาวิทยาลัย แต่หากใครมาเที่ยวเชียงราย อยากให้ลองเข้ามาชมกันครับ เป็นมหาวิทยาลัยที่บรรยากาศดีที่สุด เท่าที่แอดมินเคยพบเจอมาเลยก็ว่าได้ เป็นธรรมชาติมากๆ
มุมนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ม.แม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นอาคารเรียนภาษาจีน บุคคลภายนอกสามารถเข้าได้ โดยทางมหาลัย จะเก็บค่าธรรมเนียม คนละ 10 บาท ใครมาช่วงตรุษจีน แต่งชุดกี่เพ้ามาถ่ายภาพ บอกใครๆ เขาก็คิดว่าเป็นเมืองจีนเลยหละครับ เนื่องจากบรรยากาศภายใน จะดีไซน์ทรงจีนทั้งหมด ทั้งสถาปัตยกรรม ต้นไม้ รวมถึงการจัดสวน
ขอสรุปก่อนจบรีวิวนะครับ สำหรับ ม่อนฟ้าใส โฮม รีสอร์ท เป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทในจังหวัดเชียงราย เหมาะกับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติ ทำเลไม่ห่างจากในเมืองนัก ยอมขับรถไกลขึ้น แต่แลกมาด้วยวิวธรรมชาติที่งดงาม ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 1,200 บาท พร้อมอาหารเช้า และการต้อนรับแบบเป็นกันเอง เสมือนคนในครอบครัว เป็นหนึ่งในรีสอร์ท ที่อยู่ในความทรงจำดีดี ของแอดมินเลยก็ว่าได้ เมื่อนึกถึงที่นี่ แอดมินไม่ได้คิดถึงตัวรีสอร์ทมากนัก แต่กลับคิดถึงคุณลุง คุณป้า ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น นับได้ว่า เป็นเสน่ห์ที่ชวนให้ได้กลับไปเยี่ยมใหม่อีกครั้ง เมื่อมีโอกาสได้ไปเชียงราย หากท่านใดสนใจ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่รายละเอียดข้างต้น หรือแฟนเพจ www.facebook.com/mohnfahsai http://www.tb-credit.ru/
