บ้านอิฐแดงโชว์แนว

ในความทรงจำเกี่ยวกับบ้าน ผู้เขียนเชื่อว่าจะต้องมีวัสดุบ้าน ๆ อย่างไม้และอิฐอยู่ในนั้นด้วยเสมอ อิฐแดงหรืออิฐมอญเป็นภูมิปํญญาท้องถิ่นที่มีใช้กระจายอยู่ทั่วทุกแห่งหนของโลกมานาน แต่อิฐที่อาจดูแก่นั้นไม่เคยเก่าเลย เพราะไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปเป็นร้อย ๆ ปี ก็ยังเห็นบ้านที่หยิบจับก้อนดินเผานี้มาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเสมอ เพียงแต่รูปลักษณ์การนำเสนอและฟังก์ชันอาจมีการปรับประยุกต์ให้ใช้งานได้หลากหลายและตอบโจทย์กับบ้านในยุคใหม่มากขึ้น

ออกแบบ : Anudeep Bhandari & Associates
ภาพถ่าย : Purnesh Dev Nikhanj
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

บ้านหลังใหญ่โตขนาด 418 ตารางเมตรหลังนี้ ตั้งอยู่ที่ Shahbad เมืองเล็กๆ ในรัฐหรยาณาทางเหนือของอินเดีย บนพื้นที่หน้ากว้าง 25 ม. x 23 เมตร มีจุดโดดเด่นออกมาจากฉากหลังคือผนังก่ออิฐฉาบปูนที่เผยให้เห็นโครงสร้างหลักของการก่อสร้างแบบที่คุ้นตาในอินเดียตอนเหนือ อิฐแดงเผาแบบนี้เป็นหนึ่งในวัสดุในท้องถิ่นทั่วๆ ไป ที่ยังคงมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในบ้านเกือบทุกหลังในภูมิภาคนี้ องค์ประกอบสำคัญอีกประการหนึ่งที่กลายเป็นคุณลักษณะที่ชวนให้จับตามองคือการทำผนังให้ลอยตัวใส่ช่องหน้าต่างขนาดใหญ่เป็นทรงกล่อง ที่ทำให้บ้านอิฐดูมีรูปลักษณ์ทันสมัยขึ้นมาทันที

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

ซุ้มอิฐด้านหน้าช่วยสร้างโทนสีที่ตัดกันกับฉากหลังสีเทาดำทำจากแผ่นสังกะสีแบรนด์ VM Zinc เป็นวัสดุไฮบริดที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีความแตกต่างทั้งในรูปแบบการก่อสร้างและพื้นผิว แต่ก็นำมาจับคู่เข้ากันได้ให้บ้านมีหลากหลายความรู้สึก รูปแบบโดยรวมจะเริ่มจากสมัยใหม่ย้อนหลังลงไปสู่ความร่วมสมัย ด้วยการใช้เส้นตรง คานยื่น บล็อกเชิงเส้น ในขณะที่คงรากฐานมาจากการวางแปลนบ้านแบบดั้งเดิม การตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ก็มีทั้งความใหม่และเก่าผสมปนกันไป

ที่ชั้นล่างของบ้านมีโถงทางเข้าพร้อมห้องนั่งเล่นแบบเป็นทางการ ถัดลึกเข้าไปข้างในมีเลานจ์นั่งเล่นพักผ่อนสำหรับครอบครัว ห้องนอนใหญ่หนึ่งห้องมีห้องน้ำในตัว ห้องพักแขกขนาดเล็กอีกห้องหนึ่ง และห้องครัวพร้อมลานนั่งเล่นด้านนอก ชั้นบนมีห้องนอน 2 ห้อง และห้องโฮมเธียเตอร์พร้อมระเบียงสำหรับทั้งสองห้อง ห้องบริการอยู่บนชั้นสองซึ่งมีทางเข้าแยกจากชั้นล่าง การตกแต่งไม่ได้หวือหวามาก เน้นงานไม้สีน้ำตาลที่ดูอบอุ่นแบบร่วมสมัยบนพื้นผนังสีขาว แต่แอบรู้สึกหรูเล็ก ๆ กับพื้นกระเบื้องลายหินและไฟซ่อนฝ้าบนเพดานหลุม

การจัดการอุณหภูมิของบ้านเป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่นักออกแบบให้ความสำคัญ บ้านนี้หันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นด้านหนึ่งที่มีอากาศร้อนในฤดูร้อนแต่อบอุ่นในฤดูหนาว จึงออกแบบให้มีทั้งบริเวณที่รับแสงได้บ้าง และปิดป้องกันแสงเข้าสู่ตัวบ้านบางส่วน สำหรับโซนที่ต้องการแสงมากและอยากให้บ้านเชื่อมต่อกับธรรมชาติ สถาปนิกใส่แนวคิดของการมี “ลาน” เปิดออกสู่ท้องฟ้า เพื่อสร้างพื้นที่รับแสงและความต่อเนื่องของสภาพแวดล้อมหลายจุด จุดหนึ่งอย่ตรงกลางบ้าน ส่วนอื่นอยู่บริเวณขอบด้านหน้าและด้านหลังของบ้าน มีประตูบานเลื่อนกระจกเปิดออกได้กว้าง ทำให้บ้านได้รับแสงแดดและระบายอากาศที่จำเป็น รวมทั้งเชื่อมต่อพื้นที่กลางแจ้งได้ง่ายขึ้น