บ้านโมเดิร์นทรอปิคอลที่ยั่งยืน
การระบายอากาศตามธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความร้อน อย่างในบ้านเราหรือประเทศเพื่อนบ้าน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถาปนิกเวียดนามที่ให้ความสำคัญกับการสร้างอยู่อาศัยอย่างเกื้อกูลธรรมชาติ จึงได้มีส่วนร่วมส่งเสริมสถาปัตยกรรมสีเขียวด้วยโซลูชันมากมาย เพื่อรวมพื้นที่ธรรมชาติเข้ากับงานสถาปัตยกรรมร่วมสมัย สำหรับโครงการบ้านชื่อ Bi House นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งงานออกแบบที่คำนึงถึงจิตวิญญาณของสถาปัตยกรรมสีเขียว โดยสถาปนิก Pham Huu Son Architects ที่รังสรรค์บ้านโมเดิร์นแบบยั่งยืนและนำธรรมชาติมาสู่บ้านได้ในทุกทิศทาง
ออกแบบ : Pham Huu Son Architects
ภาพถ่าย : Hiroyuki Oki
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
Bi House สร้างขึ้นบนพื้นที่เพียง 20 ตารางวา อยู่ห่างจากใจกลางเมือง ญาจางไปทางใต้ประมาณ 5 กม. ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วพร้อมประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่สีเขียวตามธรรมชาติค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยงานก่อสร้าง สถาปนิกจึงพยายามคืนพื้นที่สีเขียวให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยการจัดสวนแทรกให้ทั่วพื้นที่ ซึ่งช่วยสร้างเกราะป้องกันความร้อน เสียง และฝุ่นละอองตามธรรมชาติ รวมถึงทำให้บ้านดูแตกต่างไปบ้านข้างเคียง
ข้อจำกัดของบ้านนี้นอกจากพื้นที่น้อยแล้ว ยังหันหน้าไปทางทิศตะวันตกอาคารจึงร้อนมากในฤดูร้อน โดยเฉพาะห้องนอนสองห้องที่ชั้นกลาง ซึ่งดูดซับความร้อนมากที่สุดในช่วงบ่าย ทีมงานจึงแก้ปํญหานี้ด้วยการสร้างร่องลึกเป็นที่ว่างที่คั่นแยกระหว่างสองห้องโดยขยายจากชั้นล่างไปจนถึงระเบียง เพื่อสร้างช่องระบายอากาศและผนังด้านที่สองเพื่อป้องกันและลดการแผ่รังสีความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวอาคารโดยตรง
นอกจากช่องว่างแนวตั้งแล้วยังมีระเบียงแนวนอนในแต่ละชั้น เมื่อจัดสวนลงไปทำให้มีสวนขนาดเล็กแนวนอนและแนวตั้งที่ผสานและจัดเรียงใหม่ทั่วทั้งอาคาร ทำให้รู้สึกเหมือนบ้านกลายเป็นกระถางใบใหญ่ที่มีต้นไม้เขียวๆ แทรกอยู่ในทุกช่องเปิดของบ้าน
เมื่อเปิดประตูรั้วเข้ามาจะพบกับที่จอดรถและบริเวณสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ด้านข้าง ซึ่งเป็นพื้นที่พักผ่อนในอุดมคติที่เจ้าของบ้านชื่นชอบ พื้นที่กลางแจ้งเต็มไปด้วยแสงแดดและความเขียวขจี
บ้านได้ชื่อว่าเป็นโฮมรีสอร์ทที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สวนหย่อม สระว่ายน้ำในสวน ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง และห้องนอนส่วนตัว 3 ห้อง จัดอยู่บนชั้น 2 – 3 ที่ชั้นล่างเป็นส่วนกลางประกอบด้วย ห้องนั่งเล่น ห้องครัว – พื้นที่รับประทานอาหารที่ดีไซน์เปิดโล่งไร้รอยต่อ แต่ละพื้นที่มีประตูกระจกขนาดใหญ่ให้ความโปร่งเบาสบายมองเห็นพื้นที่สีเขียวด้านนอกได้จากทุกมุม แต่จุดที่พิเศษคือระหว่างมุมนั่งเล่นและครัวจะมีสวนคั่นกลางล้อมด้วยผนังกระจก ด้านหลังโซฟาออกแบบช่องแสงแนวนอนสูงจากพื้นเล็กน้อยให้มุมมองไปยังสระว่ายน้ำพอดี
นอกจากการควบคุมอุณหภูมิแล้ว แสงสว่างยังได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบอีกด้วย หลายจุดที่เห็นว่าติดตั้งประตูหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ จะใช้กระจกฉนวนกันร้อนเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาโดยไม่ทำให้ภายในร้อนจนอยู่อาศัยไม่สบาย นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องแสงสกายไลท์รับแสงจากด้านบน เช่น เหนือคอร์ทยาร์ดในบ้าน และเหนือโถงบันได ช่วยให้บ้านสว่างแบบประหยัดพลังงาน ภายใต้แสงสกายไลท์ยังมีโครงเหล็กดัดรูปใบไม้ ทุกครั้งที่แสงแดดส่องผ่านจะสร้างเอฟเฟกต์เงาที่สวยงาม
สถาปนิกยังออกแบบให้มีช่องระบายอากาศสองช่องอยู่ด้านหลังและเหนือบริเวณบันไดระหว่างอาคาร เพื่อช่วยให้อากาศไหลผ่านและแผ่ความร้อนไปทั่วทั้งบ้าน
ห้องนอนใหญ่ตกแต่งเรียบง่ายด้วยพื้นไม้สีน้ำตาล เตียงไม้โทนสีใกล้เคียงกัน ดูไม่หวือหวาไม่ฉูดฉาด เพื่อสร้างบรรยากาศที่ชวนให้พักผ่อนสบายๆ เมื่อยามค่ำมาเยือน ไฮไลท์ของห้องอยู่เหนือหัวเตียงที่เจาะช่องเปิดมองเห็นสวนข้างหลัง และการออกแบบประตูกระจกอลูมิเนียมพร้อมระบบรางเลื่อนพิเศษ สามารถเปิดออกได้แบบชนมุม 90 องศา โดยไม่มีเสามากั้น ทำให้ห้องแทบจะไม่มีการแบ่งแยกระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอก เปิดมุมมองออกไปรับวิวสวนและท้องฟ้าที่ไกลออกไปได้แบบไม่มีอุปสรรค เมื่อจำเป็นก็สามารถเลื่อนปิดได้เพื่อความปลอดภัย
ห้องอาบน้ำในห้องนอนแบบเปิดโล่ง ให้ความรู้สึกกว้างขวาง สบาย และใกล้ชิดกับธรรมชาติ สร้างบรรยากาศการอาบน้ำกลางแจ้ง ซึ่งตรงจุดนี้จะมีแนวระเบียงและสวนช่วยบังสายตาอยู่ บรรยากาศดีเหมือนอยู่ในรีสอร์ท 5 ดาว
ห้องนอนใหญ่ที่ชั้นบนของ Bi House และห้องน้ำ จะได้รับการปกป้องจากความร้อนด้วย rooftop garden อีกชั้นหนึ่ง จึงรับประกันได้ว่าภายในบ้านจะเย็นสบายอยู่เสมอ และไม่ขาดพื้นที่สีเขียวเลยแม้จะไม่มีบริเวณข้างๆ เหลือสำหรับทำสวนเลยก็ตาม นอกจากเจ้าของบ้านจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติในบ้านของตนเองแล้ว ยังเอื้อเฟื้อความเขียวขจีนี้ทำให้ผู้คนใกล้ชิด ตลอดจนมีส่วนเล็กๆ ในการเผยแพร่สถาปัตยกรรมสีเขียวด้วยจิตวิญญาณของสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืน
แปลนบ้าน