บ้านร่วมสมัยโทนสีขาวดำ

เมื่อ DOOD Studio หมายมั่นปั้นมือในการปรับปรุงบ้านก่ออิฐสไตล์หลังสงคราม เพื่อครอบครัวหนุ่มสาวที่ต้องการไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ความท้าทายจึงเกิดขึ้น เพราะบ้านเก่าที่สร้างไว้หลายสิบปีแถมมีความเสื่อมโทรม จะตอบโจทย์ได้มากแค่ไหนในงบประมาณที่จำกัด หลังจากทีมงานเข้าสำรวจบ้านแล้ว จึงสรุปว่าแม้บ้านจำเป็นต้องมีการอัปเดต แต่ไม่ใช่การรื้อเปลี่ยนทุกสิ่ง อะไรที่ยังคงสภาพดีก็เก็บไว้แล้วซ่อมแซมให้สวยงามขึ้น และคงลักษณะเฉพาะของรายละเอียดย้อนยุคในบ้านเดิมเอาไว้ ให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับการต่อเติมพื้นที่ชีวิตที่เต็มไปด้วยสัมผัสแปลกใหม่ในด้านหลัง ผลงานออกมาเป็นบ้านสองสไตล์ในโทนสีขาวดำที่ซ้อนทับกันอยู่อย่างสมบูรณ์

ออกแบบ : DooD Studio
ภาพถ่าย : Tatjana Plitt
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

บ้านชั้นเดียวขนาด 270 ตารางเมตรหลังนี้ สร้างอยู่ใน Brunswick West ชานเมืองด้านในของเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเจ้าของบ้านจะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้ตลอดเนื่องจากยังอยู่อาศัยในอาคารเดิมขณะก่อสร้าง เพื่อทำให้ครอบครัวในอุดมคติของพวกเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง อันดับแรกเพื่อลดต้นทุนโครงสร้างที่มีอยู่เดิมส่วนใหญ่จะยังคงไว้ แล้วปรับปรุงภายในส่วนที่ทรุดโทรม แปลงโฉมบ้านอิฐหลังสงครามที่มืดมิดให้เป็นอาคารหลังคาทรงปั้นหยาโทนสีดำตัดกับสีขาวดูเรียบ โก้ ทันสมัย เฉลียงกว้างหน้าบ้านชวนให้ออกมานั่งรับแดดในวันที่สภาพอากาศเป็นใจ

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

ส่วนหลังของบ้านเป็นจุดต่อเติมที่ได้รับการกำหนดค่าใหม่ทั้งหมด จุดประสงค์เพื่อสร้างพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้นและรู้สึกได้ถึงความเปิดโล่ง สว่างไสว ล้อมรอบสนามหญ้า สถาปนิกทำอาคารชั้นเดียวหลังคาเพิงหมาแหงนคลุมผนังและหลังคาด้วยวัสดุเมทัลชีทสีดำ ใส่ประตูหน้าต่างกระจกใสกรอบสีดำเข้าชุดกันให้ลุคทันสมัย ไม่เพียงแต่ใส่ของใหม่เข้าไปเท่านั้นทีมงานยังนำวัสดุกลับมาใช้ซ้ำจำนวนหนึ่ง โดยเจตนาให้ล้อไปกับสไตล์ย้อนยุคของหน้าบ้าน ตัวอย่างเช่น อิฐที่ใช้สำหรับผนังและแผ่นอิฐปูผิวทางเดิน ถูกนำกลับมาใช้ใหม่จากส่วนที่พังยับเยินของบ้านเดิม ในขณะที่ผนังบางส่วนทำด้วยพลาสติกรีไซเคิล เป็นต้น

ซุ้มโครงสร้างเหล็กสีดำที่คลุมพื้นที่กลางแจ้งใกล้สนามหญ้า ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ต้นไม้เลื้อยไต่ขึ้นไปได้ในอานาคต สร้างหลังคาธรรมชาติที่ช่วยกำบังแสงแดดที่หน้าต่างที่อาจกระทบได้ในฤดูร้อน

สิ่งสำคัญที่สุดประการหนึ่งสำหรับผู้พักอาศัยคือการให้แสงธรรมชาติเข้ามา และสร้างการเชื่อมต่อที่มองเห็นได้กับพื้นที่กลางแจ้ง วิธีแก้ปัญหาคือยกเพดานและย้ายบ้านให้หันไปทางทิศเหนือเป็นลานภายในจากทุกด้าน ให้แสงส่องผ่านไปยังพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดที่ล้อมรอบอยู่ จุดชมวิวจะมาจากปลายบนสุดของลานบ้าน มองไปที่ปีกบ้านโซนห้องพักรับรองแขกซึ่งเดิมเคยเป็นโรงรถมาก่อน

สถาปนิก Andrew Stapleton กล่าวว่า “บ้านนี้เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมย่านชานเมืองเมลเบิร์น เข้ากับสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนแบบคลาสสิก การตกแต่งภายในบางส่วนจึงได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์ “ย้อนยุคชานเมือง” ของบ้านที่มีอยู่ อย่างเช่น ตู้สีเขียวมะกอกและงานปูน stucco ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งยุคนั้น’ ในโซนใหม่เราจึงเห็นการตกแต่งด้วยการใส่รายละเอียดดั้งเดิมบางอย่างไว้ เช่น เพดานและบัวปูนปั้น สำหรับผนังห้องครัวและไอสแลนด์จะใช้เทคนิคปูนพอกปูน stucco ให้พื้นผิวมี texture, ตู้โพลียูรีเทนสีเขียว, กระเบื้องปูพื้นแบบหินขัด เป็นต้น

ในขณะที่การตกแต่งโซนใหม่ให้ล้อไปกับของเก่า สถาปนิกกลับเพิ่มความน่าสนใจด้วยการผสมผสานสไตล์มินิมอลที่เน้นเส้นสายเรขาคณิต เส้นโค้ง เส้นตรง มุมมน และใส่ฟังก์ชันใหม่ๆ อย่างเช่น Skylight เข้าไปเพิ่มแสงธรรมชาติบริเวณเหนือเคาน์เตอร์ครัว ทำให้เกิดผลลัพธ์ภายในที่ไม่เหมือนใคร

จะสุขใจแค่ไหนถ้าได้ทำครัวในพื้นที่โล่ง ๆ สามารถใช้งานได้เต็มที่ไม่ต้องเดินชนใคร นอกจากมีแสงสว่างเพียงพอกับการใช้งานแล้ว ยังเปิดมุมมองออกไปชมวิวข้างนอกได้เต็มตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทุกครั้งที่เข้าครัวจะสุนทรีแค่ไหน

ใครว่าเก่าจะอยู่รวมกับใหม่ไม่ได้ บ้านนี้คงเป็นหนึ่งตัวอย่างที่พิสูจน์แล้วว่า การแต่งบ้านนั้นไม่มีถูกผิด สามารถจับสิ่งที่เด่นดังในยุคสมัยของตัวเองเข้ามารวมกันได้ เสน่ห์ของความต่างนี้กลับสร้างมิติของบ้านใหม่ ๆ แบบที่ไม่มีใครเหมือน