บ้านรักษ์ธรรมชาติริมทะเล
ใครที่มีบ้านริมทะเลถือเป็นอีกโลเคชั่นที่น่าอิจฉาที่สุด ลองนึกภาพว่าในแต่ละวันที่ตื่นขึ้นมาได้นั่งจิบกาแฟหอมๆ ดื่มด่ำรับกลิ่นไอทะเลและท้องฟ้าใส ๆ จะเป็นสุขสักแค่ไหน ในเมืองชายฝั่ง Bundeena ที่ขึ้นชื่อในเรื่องชายหาดที่สวยงามและเส้นทางเดินป่า ก็เป็นหนึ่งจุดที่มีผู้คนเลือกไปซื้อที่ดินสร้างบ้านพักตากอากาศมากเช่นกัน ที่นี่อยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติ Royal National Park ใช้เวลาขับรถ 1 ชั่วโมงทางใต้ของซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย บนเนินปลายหาดมีบ้านพักช่วงสุดสัปดาห์ของครอบครัวสี่คนในซิดนีย์ตั้งอยู่ โดยมีโจทย์ง่าย ๆ เพียงการสร้างบ้านใหม่ที่เชื่อมต่อกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างแนบสนิท
ออกแบบ|ภาพถ่าย : Grove Architects
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
บีชเฮาส์แห่งนี้ตั้งอยู่บนโขดหินที่ขอบด้านตะวันออกของชายหาดอันเงียบสงบ ก่อนสร้างบ้านไซต์นี้มีเพิงไม้ไฟเบอร์บอร์ดที่ทรุดโทรมตั้งอยู่ดูไม่สวยงาม หลังจากที่สถาปนิกได้รับโจทย์มาก็ศึกษาภาพรวม ข้อดี ข้อด้อย ซึ่งทีมงานพบว่าแม้ว่าสถานที่นี้จะมีทัศนียภาพของน้ำที่สวยงามไม่ขาดตอน แต่ความลาดชันจากถนนสู่ชายหาดถือเป็นความท้าทายในกระบวนการออกแบบ โดยสถาปนิกเริ่มงานจากภายนอกก่อนด้วยการจัดแปลนบ้านให้มีระดับต่างๆ กันค่อย ๆ ไหลไปทางชายหาด เลือกวัสดุไม้และอื่น ๆ ที่ให้เฉดสีใกล้เคียงกับธรรมชาติรอบ ๆ และยังทำ roof garden หลังคาสีเขียวที่ออกแบบให้ดูเหมือนเป็นส่วนขยายของภูมิทัศน์ธรรมชาติรอบๆ
จากที่ตั้งใจว่าจะออกแบบโครงการอย่างเคารพสิ่งแวดล้อม จึงพยายามเน้นให้บ้านสัมพันธ์กับบริบทให้มากที่สุด ไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์ภายนอกจากภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์จากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวกับตัวบ้านรวมถึงทัศนียภาพของทะเลด้วย โดยสถาปนิกได้ทำเฉลียงไม้ขยายพื้นที่ใช้สอยออกมาเชื่อมระหว่างในร่ม/กลางแจ้ง การวางแนวทิศตะวันตกของบ้านเป็นเฉลียงทำให้เห็นวิวผืนน้ำกว้างใหญ่ได้อย่างใกล้ชิด ในขณะที่ฝั่งตัวบ้านเป็นผนังกระจกเต็มตัว ซึ่งประกอบด้วยบานเกล็ดและประตูบานเลื่อน เชื่อมห้องรับประทานอาหารและห้องครัวเข้ากับเฉลียงและสวน ความลาดชันตามธรรมชาติของพื้นที่ทดแทนความต้องการรั้วระหว่างสวนและชายหาด
การสร้างความสัมพันธ์ภายนอกจากภายในบ้าน ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้กระจกใสเป็นตัวกลางช่วยเปิดมุมมองของบ้าน อย่างในห้องครัวที่มีผนังกระจกยาวตลอดแนว ก็ทำให้คนที่ทำครัวอยู่สามารถรับวิวผิวน้ำที่ระยิบระยับตลอดทั้งวันได้ โดยที่ไม่ต้องก้าวออกจากตัวบ้านแม้เพียงก้าวเดียว นอกจากนี้ผนังกระจกยังทำหน้าที่รับแสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้านให้ความสว่างในช่วงกลางวันโดยไม่ต้องเปิดไฟฟ้าในช่วงกลางวัน
หากย้อนกลับไปดูภาพแรก ๆ ที่เราเห็นจากภายนอก จะพบว่าส่วนหนึ่งของหลังคาเป็นกระจกสามเหลี่ยมแหลมสูงขึ้นมา ซึ่งส่วนนี้จะเป็น skylight ของบ้านที่ติดตั้งอยู่ระหว่างผนังกับหลังคาเป็นรูปสามเหลี่ยมชนกัน ดูเหมือนรูปทรงผีเสื้อ เป็นประติมากรรมขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางของบ้าน ช่องแสงเหล่านี้จะทำหน้าที่รับแสงแดดส่องทางเหนือและตะวันออก ซึ่งทำให้แสงอาทิตย์ส่องลอดเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน
กรอบกระจกสามเหลี่ยมมุมสูงนี้ยังทำให้คนในบ้านมองเห็นทิวทัศน์ของต้นไม้และท้องฟ้า เชิญชวนให้มีปฏิสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์ การเต้นรำของแสงและเงาที่ตกกระทบอยู่บนผนังสีขาวกว้าง ๆ ใต้สกายไลท์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้บ้านดูสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างเชื่อมโยงที่สำคัญกับสภาพแวดล้อมโดยรอบเข้าสู่ภายในวิธีหนึ่งด้วย
ห้องนั่งเล่นที่มีระดับความสูงจากพื้นถึงเพดานมากเป็น 2 เท่าแบบ Double Space มีเตาผิงไฟฟืนของ Cheminee Philippe ซึ่งมีความจุความร้อนสูง โดยวางไว้ใต้ช่องว่างข้าง ๆ โซฟาตัวยาวสีเทา ทำให้สามารถให้ความร้อนกระจายได้ทั่วทั้งชั้นล่างและพื้นที่ส่วนกลางชั้นบนในฤดูหนาว
เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนก็ไม่ต้องกังวล เพราะเราสามารถเปิดบ้านออกรับลมได้เต็มที่จากประตูบานสไลด์ที่เปิดได้กว้าง และยังผนังบานเกล็ดที่สูงจากพื้นจรดเพดาน ในห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ เป็นผนังทางเลือกที่จะปิดหรือเปิดรับลมระดับไหนก็ได้ตามใจ
บ้านไอเดียแชร์ไอเดีย : rooftop garden ของบ้านหลังนี้ปลูกไม้อวบน้ำและหญ้าพื้นเมืองเฉพาะถิ่นในพื้นที่ หลังคาสีเขียวแบบนี้จึงเป็นคุณลักษณะที่มีการบำรุงรักษาต่ำ และมีประโยชน์หลายประการ เช่น การเพิ่มฉนวนกันความร้อนให้กับบ้าน การลดปริมาณน้ำฝนที่ไหลบ่าจากพายุ และลดแสงสะท้อนในสภาพแวดล้อมโดยรอบ อย่างไรก็ตามหากใครต้องการจัดสวนบนหลังคาต้องปรึกษากับสถาปนิกตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ เพื่อคำนวณเรื่องการรับน้ำหนักของหลังคา การออกแบบระบบระบายน้ำ กันซึม ไม่ให้เกิดปัญหากับโครงสร้างหลังคาและตัวบ้านภายหลัง
|
แปลนบ้าน