ECO House
ในปี 2550 ทีมงาน Butler Armsden ได้สร้างบ้านให้ลูกค้า ซึ่งได้มาตรฐานบ้านสีเขียวระดับ LEED Platinum เป็นบ้านที่มีประสิทธิภาพด้านการจัดการพลังงานระดับสูงสุด เป็นบ้านที่สมบูรณ์แบบในการปรับปรุงบ้านที่ทรุดโทรมอยู่บนเนินเขาที่ลาดชัน ด้านทิศเหนือของคาบสมุทร Tiburon สหรัฐอเมริกา ให้สามารถใช้งานได้ดีกว่าเดิม ทีมงานทั้งหมดได้รับมอบหมายให้ออกแบบบ้านที่มีรูปลักษณ์เรียบง่าย ประหยัดพลังงาน และการใช้งานที่สะดวกสบายไปพร้อม ๆ กัน บ้านนี้จึงมีความโปร่งเบา อากาศถ่ายเทดี มองเห็นวิวภายนอกได้ในมุมที่สวยงามครับ
ออกแบบ : Butler Armsden
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
บ้านหลังนี้สร้างอยู่บนเนิน ที่ทำให้มองเห็นได้ถนัดตา เปลือกนอกของบ้านห่อหุ้มด้วยสีกะปิบริเวณชั้นล่าง และผนังไม้สีน้ำตาลบนชั้นสอง ดูเป็นธรรมชาติเข้ากับกล่องกระชุหินและผนังไม้ที่ทำเป็นแนวรั้วภายนอก รูปทรงบ้านคล้ายกล่องสองชั้นนำมาวางเรียงกัน 3 แถว เว้นพื้นที่ว่างเป็นจังหวะทั้งตัวบ้าน ในบ้านและนอกบ้าน ทำให้พื้นที่หายใจได้โล่งทั่วบริเวณ มีชานสำหรับนั่งเล่นพักผ่อนกลางแจ้งชั้นล่างและชั้นสองที่มีสะพานเชื่อมเป็นระเบียงกว้าง เพิ่มพื้นที่ใช้งานนอกบ้านได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
ตัวบ้านดูเผิน ๆ เป็นบ้านสองชั้นธรรมดา แต่การออกแบบโดยภาพรวมของบ้านและการจัดการพลังงานได้มาตรฐานบ้านสีเขียว (LEED) ระดับแพลทินัม คือ มี 80 คะแนนขึ้นไป LEED ย่อมาจาก Leadership in Energy and Environmental Design หรือความเป็นผู้นำในออกแบบที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและสิ่งแวดล้อม เป็นระบบการประเมินความ ‘เขียว’ ของสิ่งก่อสร้างแบบยั่งยืน ตั้งแต่ตัวบ้าน การพัฒนาสิ่งแวดล้อม (เพื่อนบ้าน) สถาปัตยกรรมภายใน แกนและเปลือกอาคาร แบ่งส่วนเป็นการออกแบบ การก่อสร้าง การใช้อาคาร ลดมลพิษจากกิจกรรมทางการก่อสร้าง การเลือกที่ตั้ง เป็นต้น
พื้นที่ว่างนั่งเล่นเอาท์ดอร์ทั้งด้านล่างและบริเวณชานระเบียงชั้นบน ขยายพื้นที่ใช้งานในอาคารออกมาข้างนอก ได้อย่างต่อเนื่องลื่นไหล
คลิกที่ภาพ เพื่อรับชมภาพขนาดใหญ่
กล่องกระชุหินที่ตั้งเป็นแนวรั้วบ้าน เป็นแนวคิดการแบ่งขอบเขตบ้านที่ให้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ ปราศจากสารพิษ
สะพานขนาดใหญ่ด้านนอกที่ทำหน้าที่เป็นพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้ง ยังเชื่อมต่อสวนกับบ้าน และแก้ปัญหาความยากลำบากในการเข้าไปในบ้านบนพื้นที่ที่ค่อนข้างชัน การปูพื้นด้วยไม้สีอ่อนเข้ากันได้ดีกับบ้านผนังบ้าน สร้างความนุ่มนวลให้กับบรรยากาศรอบบ้าน
ภายในบ้านออกแบบให้ห้องนั่งเล่นและครัว ไปจนถึงมุมรับประทานอาหารอยู่ร่วมกันแบบไร้ผนังกั้น แบ่งแยกสัดส่วนทางสายตาด้วยตัวเฟอร์นิเจอร์ ทั่วทั้งพื้นที่ดูโปร่งสว่างด้วยกระจกบานใหญ่ที่เปิดกว้างตลอดแนวทั้งสองด้านของผนัง สลับกับผนังก่อทึบเพื่อความเป็นส่วนตัวและปิดจังหวะช่องแสงไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้านมากเกินไป ผนังกระจกใส ๆ ช่วยที่เปิดได้กว่ช้างนี้สร้างความเชื่อมต่อออกไปยังพื้นที่นั่งอาบแดดข้างนอก และทำให้เกิดการถ่ายเทอากาศได้อย่างทั่วถึง
มุมนั่งเล่นน่าสบายด้วยเฟอร์นิเจอร์ งานไม้ และของแต่งบ้านโทนสีเอิร์ทโทน เทา ครีม ตัดด้วยสีดำเป็นบางจุด ทำให้มีความน่าสนใจซ่อนอยู่ในความนุ่มละมุนของเฉดสี
ทางเข้าบ้านตกแต่งเรียบง่ายด้วยคู่สีตรงข้ามที่เป็นสีพื้นฐานอย่างขาวกับดำ
มุมครัวติดหน้าต่างชนกันสองด้านของผนัง สามารถเปิดออกรับลมและแสงแดดเข้ามาลดความชื้น ระบายกลิ่น และยังเปิดวิสัยทัศน์ให้มองเห็นวิวได้ในขณะทำอาหาร
การก่อสร้างบ้านเลือกใช้วัสดุท้องถิ่นที่สามารถนำมาผลิตใหม่ได้ และมีระบบการจัดการของเสียจากการก่อสร้าง ออกแบบให้ตัวบ้านมีพื้นที่ว่างมากที่สุด แต่ใช้สอยได้ดีทั้งภายนอกและภายใน ช่องประตูและหน้าต่างขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนอากาศเข้าไปภายในได้มาก คุณภาพอากาศรอบบ้านแสนบริสุทธิ์ การตกแต่งบ้านเลือกใช้วัสดุที่ปล่อยสารพิษน้อย ไม่ว่าจะเป็นสี การเคลือบ ระบบพื้น ไม้เทียม ไปจนถึงการจัดแสงธรรมชาติ ให้บ้านเกิดสภาวะสบาย และเต็มไปด้วยทัศนียภาพที่งดงามในทุกมุมบ้าน
ห้องนอนเก็บความสดชื่นของลมทะเลเอาไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม ผ่านประตูกระจกใสที่เลื่อนเปิดออกได้กว้าง ผนังกระจกยังช่วยเปิดวิสัยทัศน์ให้เจ้าของห้องมองเห็นความเคลื่อนไหวของเกลียวคลื่น ดวงอาทิตย์ ต้นไม้ ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน
วัสดุทั้งหมดที่ใช้ในโครงการนี้ได้รับการรีไซเคิลหรือเป็นวัสดุแบบยั่งยืน เช่น ผนังนำมาจากบ้านเก่า ระบบไฟฟ้าและการทำน้ำร้อนใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และมีแม้กระทั่งระบบการฟื้นฟูน้ำที่ใช้แล้วให้สามารถนำกลับไปใช้ใหม่ได้อีก
ชั้นล่างของตัวบ้านมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่บริเวณกลางบ้าน ทำให้ลมพาดผ่านเข้าสู่ตัวบ้านได้ดีทุกทิศทาง พื้นที่ว่างทำกิจกรรมรอบบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ทำให้ไม่ว่าจะอยู่มุมให้ของบ้านก็จะได้รับทิวทัศน์ที่แสนสบายตาในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป
