รีโนเวทตึกแถว 4 ชั้น
ตึกแถวลุคใหม่ในความทรงจำเดิม เพิ่มเติมคือแสงและพื้นที่
ตึกแถวที่เห็นอยู่นี้เดิมทีหน้าตาก็เก่า ติดกระแกรงเหล็กดัดกันขโมย รูปทรงลึกยาวเหมือนทาวน์เฮาส์ในจีนรอบข้างที่อายุ 30 กว่าปีเช่นกัน แต่เมื่อได้รับการรีโนเวทตึกแถวชุดใหญ่ อาคารก็ดูทันสมัยทำให้จำเค้าเดิมไม่ได้กันเลยทีเดียว บ้านนี้ตั้งอยู่ในย่านเมืองเกาสง ประเทศไต้หวันที่ได้รับการปรับเปลี่ยนมาเป็นสตูดิโอจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ที่ดูสว่างไสว ฝีมือโดยสตูดิโอ HAO Design ที่เลือกใช้โทนสีสีขาว ระแนงเหล็ก บันไดด้านข้าง กระจก และงานไม้ ที่ทำให้บ้านโมเดิร์นมีความโปร่ง สบาย และยังคงไว้ซึ่งความอบอุ่น ในขณะที่พื้นที่บ้านเท่าเดิม แต่เพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้มากขึ้นเป็นเท่าตัวครับ
ออกแบบ : HAO Design
เรียบเรียง : บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อรับชมภาพในขนาดใหญ่ขึ้น
แนวคิดการรีโนเวทตึกแถว
โครงการนี้เป็นการรีโนเวทตึกแถวเก่าแก่อายุ 36 ปี ตั้งอยู่ในเขต Zuoying ของเมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน ให้ออกมาหน้าตาทันสมัยเต็มไปด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ที่รวมห้องสตูดิโอ ทำงาน และโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์เข้าไว้ด้วยกัน เดิมทาวน์เฮาส์แห่งนี้เป็นสไตล์ย้อนยุคมีชั้นลอยยกระดับ ซึ่งเป็นที่นิยมในทศวรรษที่ 1960 และต่อเติมใส่แผงเหล็ก ตะแกรงเหล็กดัดติดประตูหน้าต่าง สถาปนิกจึงจัดการรื้อเหล็กดานหน้าออกแล้วขยับตัวอาคารเข้าไปด้านใน ก่อปิดส่วนหน้าของชั้นล่าง ทำรั้วบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัว ปรับเปลี่ยนทางเข้าเป็นด้านข้างแทน และติดผนังกระจกบนชั้นสองดูเหมือนโชว์รูม ดีไซน์ให้อาคารเก๋ขึ้นโดยหักมุมผนังเฉียงเข้าไปในตัวอาคารเล็กน้อย
ชั้นล่างของอาคารมีพื้นที่ประมาณ 36 ตารางเมตร ส่วนหน้าบ้านแคบทึบไม่มีแสงสว่าง สถาปนิกจึงทำการทุบผนังบางส่วน และถอดบันไดเหล็กในบ้านที่หันหน้าไปทางถนนออก ปรับเปลี่ยนตำแหน่งบันไดใหม่ไปอยู่ด้านหลัง และติดตั้งบันไดด้านนอกอาคารเพื่อไม่ให้กีดขวางความโปร่งภายในและเป็นการเติมเสน่ห์ให้กับตัวบ้านได้ด้วย เมื่อไม่มีบันไดกับผนังส่วนกลางของบ้าน ภายในจึงกลายเป็นโถงสูงโล่ง ๆ ช่วยให้รู้สึกสบายและระบายอากาศขึ้นสูงที่สูงได้ดี ผนังด้านข้างเจาะเป็นช่องแสงติดกระจกโดยรอบ ทำให้บ้านดูมีอิสระจากผนังทึบ ๆ เปิดรับแสงธรรมชาติเข้าบ้าน พร้อม ๆ กับซึมซับบรรยากาศภายนอกเข้ามาสู่ภายใน
ประตูข้างบ้านทำเป็นกรอบมุมมน ลดทอนความแข็งกระด้างของอาคารสี่เหลี่ยม เต็มความรู้สึกนุ่มนวลเป็นมิตรได้เป็นอย่างดี
รีโนเวทตึกแถว ทั้งภายในและภายนอก
เมื่อเข้าสู่ตัวบ้านจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นเชื่อมต่อครัวที่รู้สึกได้ถึงความสบายตาและเป็นธรรมชาติ จากการออกแบบตกแต่งภายในด้วยพื้นลายไม้ เคาน์เตอร์ครัวแต่งผิวคล้ายคอนกรีตเปลือยเรียบ ๆ ใกล้ ๆ กันอาร์มแชร์เรโทรสีเหลืองตุ่น ๆ เข้าชุดกับม้านั่งยาวเบาะสีน้ำตาล ให้ความอบอุ่นตั้งแต่ก้าวแรก ถัดไปเป็นมุมนั่งรับประทานอาหาร ที่บิวท์เบย์วินโดว์เอาไว้เพิ่มพื้นที่เมื่อต้องการต้อนรับคนจำนวนมากขึ้น และเติมอารมณ์สบายริมหน้าต่างยามทานอาหาร
ชั้นสองซึ่งเป็นชั้นลอยกั้นด้วยกระจกจัดเป็นมุมนั่งเล่น ความใสของแผ่นกระจกช่วยสลายขอบเขตพื้นที่ใช้งานและเชื่อมวิสัยทัศน์ระหว่างพื้นที่ทั้งสองชั้น ผู้อยู่อาศัยจึงสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้แม้จะอยู่ต่างระดับ บริเวณเพดานส่วนกลางบ้านนี้ติดช่องแสง Skylight เพิ่มจุดรับแสงธรรมชาติเข้าสู่อาคาร เมื่อแสงตกระทบผนังสีขาวจะทำให้บ้านดูสว่างและโปร่งตามากยิ่งขึ้น และช่วยให้ประหยัดการใช้ไฟฟ้าส่องสว่างในช่วงกลางวัน
พื้นที่ในอาคารทั้งหมดถูกแบ่งจำนวนชั้นแบบ split-level space คือการทำให้มีการเล่นระดับ จากที่แบ่งชั้นอย่างชัดเจนชั้น 1 2 3 เปลี่ยนมาเป็นการแบ่งให้เป็นชั้นลอยที่เหลื่อมกันไปมา โดยมีบันไดและห้องโถงเป็นตัวกลางเชื่อมชั้นทั้งหมดเข้าด้วยกัน ด้วยวิธีนี้จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยของตึกแถวเดิมที่มีพื้นที่น้อยให้เพิ่มมากขึ้นได้อีก และยังเป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน
ห้องพักผ่อนเล็ก ๆ ติดผนังกระจก ช่วยเติมมุมมองที่เป็นอิสระภายในบ้าน ช่องแสงที่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและมีขนาดพอดี ทำให้แต่ละพื้นที่ในบ้านรับแสงเข้ามาในปริมาณที่พอเหมาะ
แต่ละห้องตกแต่งมีคอนเซ็ปในตัวเอง เห็นได้จากเฟอร์นิเจอร์ที่มีความหลากหลาย ทั้งสี วัสดุ แต่ก็ไม่หลุดออกจากธีมที่ต้องการเน้นถึงความอบอุ่นและกลิ่นอายของวันเวลาที่ยังอบอวลอยู่ในที่แห่งนี้ แม้รูปลักษณ์ทั้งภายในและภายนอกจะเปลี่ยนไปก็ตามที
ห้องน้ำตกแต่งสไตล์มินิมอล เน้นเฉพาะฟังก์ชั่นที่จำเป็น ในห้องนี้จึงมีเพียงเคาน์เตอร์ลอยตัวลายไม้ ซิงค์ล้างมือทรงกลม ทั้งไม้และรูปร่างมนกลมช่วยเติมความอบอุ่นให้กับผนังคอนกรีตเรียบ ๆ เย็น ๆ สะดุดตาที่กรอบกระจกรูปทรงเรขาคณิตหกเหลี่ยมที่บิดเบี้ยว ช่วยเข้ามาลดทอนเส้นตรงที่ดูแข็งกระด้าง
บันไดนอกอาคารทำชานพักให้ใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่น ชมวิว และเชื่อมพื้นที่ในอาคารต่อออกมาสู่ภายนอกด้วยการปูพื้นวัสดุเดียวกับด้านใน
