บ้านโมเดิร์นทรอปิคอลที่ชุ่มฉ่ำกับน้ำและต้นไม้

มีคำกล่าวเสมอว่าบ้านเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวตนผู้เป็นเจ้าของได้ดีที่สุด เพราะตั้งแต่ประตูหน้าบ้าน หลังคา หน้าต่าง การตกแต่งภายในภายนอก ส่วนหนึ่งหลัก ๆ ได้มาจากการตกผลึกระหว่างนักออกแบบกับเจ้าของบ้านทั้งสิ้น อย่างบ้านหลังนี้ เป็นของคุณวีเจย์ ชาห์ วิศวกรโครงสร้าง เป็นผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพสัตว์ป่าและเป็นผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ สถาปนิกที่รับผิดชอบโครงการนี้จึงต้องการสะท้อนบุคลิกของเขาในทุกตารางเมตร ผ่านโครงสร้างเหล็กเปลือยพร้อมอิฐกับสวนน้ำและสนามหญ้าเขียวๆ ที่ล้อมบ้านเอาไว้ทั้งหมด

ออกแบบ : Rushi Shah Architects
ภาพถ่าย : Umangshah Photography
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

บ้าน Floating Frame หลังนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางชานเมือง ของพื้นที่ป่าในชนบทของอัห์มดาบาด ที่น่าสนใจเป็นพิเศษด้วยการออกแบบที่แยบยล การผสมผสานที่ดีของวิศวกรรม และภูมิทัศน์ที่สวยงาม และที่สำคัญคือ การพยายามทำความเข้าใจไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้ใช้ ไม่ใช่จากคน ๆ เดียว แต่เป็นความต้องการของสมาชิกทุกคนในครอบครัว ซึ่งบ้านได้รับการออกแบบโดยครอบครัว RSA+Tattva ประกอบด้วยสถาปนิกสองคน คนหนึ่งเชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์ คนหนึ่งเป็นวิศวกรโครงสร้างและเป็นเจ้าของโครงการด้วย

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

บ้านชั้นเดียวขนาด 325 ตารางเมตร หลังนี้เลือกนำเสนอด้วยวัสดุธรรมชาติมากมาย เช่น อิฐเปลือย คอนกรีตดิบ และเหล็กที่ทำคานยื่นเป็นจุดเด่น เป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดของโครงการ ซึ่งเจ้าของเป็นคนจัดการเอง โครงนี้โอบล้อมต้นไม้เอาไว้ในบางจุด และยังเป็นโครงให้ไม้เลื้อยได้พาดผ่าน ส่วนรอบๆ อาคารมีสนามหญ้าเขียวๆ ปลูกต้นไม้รายล้อม แต่นั่นยังชุ่มชื่นไม่พอสถาปนิกยังออกแบบให้มีสวนน้ำพร้อมสะพานไม้ที่พาข้ามธรรมชาติเข้าสู่ห้องรับประทานอาหารด้วยสะพานไม้ ครอบครัวนี้จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ที่นี่เพื่อชื่นชมพืชและสัตว์ที่งดงามราวภาพวาด

เป็นที่น่าสังเกตว่าบ้านไม่เพียงผสมผสานวิศวกรรม สถาปัตยกรรม และภูมิทัศน์เท่านั้น แต่บ้านนี้ยังสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์มีทั้งพืชและสัตว์ด้วย ลองนึกภาพลมมรสุมพัดพากบมาบนใบบัว ในขณะที่ฤดูหนาวจะเห็นนกกินปลีบนต้นเสี้ยวดอกขาว (Bauhinia variegata) เขตพื้นที่รอบๆ นี้ยังมีกระรอก โกเอลอินเดีย ลิง และอื่นๆ แวะเวียนมาด้วย แท้จริงแล้วบ้านนี้จึงไม่ได้ออกแบบมาเพื่อผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดแวะพักของเหล่าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยด้วย

บ้านมีการเชื่อมต่อในร่มและกลางแจ้งที่ไร้รอยต่อ อย่างมุมห้องนั่งเล่นในบ้านก็สามารถเปิดออกสู่สวนผ่านประตูกระจกบานเลื่อนชนมุม 90 องศา ทำให้จุดนี้เหมาะสำหรับการนั่งและดูโลกที่ผ่านไปบนเก้าอี้ที่เพื่อนให้เป็นของขวัญและโต๊ะกาแฟจาก Fabindia มีแสงธรรมชาติอ่อนๆ และสายลมเอื่อยๆ เป็นกุญแจสำคัญที่ก่อให้เกิดความเย็นสบาย ซึ่งเกิดจากการออกแบบสถานที่ บริบทแวดล้อม ไปจนถึงการเดินทางของลมและดวงอาทิตย์ เพื่อพยายามสานสมดุลทางนิเวศวิทยากับมวลอาคารเข้าด้วยกันให้มากที่สุด

สำหรับพื้นที่ในบ้าน โถงทางเดินแต่งด้วยเสน่ห์ของอิฐเปลือย มองเห็นชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้โดยช่างไม้ท้องถิ่น ผืนผนังอิฐเผาโชว์แนวที่ให้อารมณ์แบบชนบทที่ยังคงความอบอุ่น ส่วนฟังก์ชันจะแบ่งเป็นโซนส่วนตัวประกอบด้วยห้องนอน ห้องทำงาน และโซนกึ่งส่วนตัว แบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ ห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร และห้องครัว มีบานเกล็ดกระจกเต็มความสูง 12 ฟุต (ประมาณ 3.65 เมตร) มองเห็นวิวสวนที่น่าตื่นตาตื่นใจพร้อมกับไม้เลื้อยที่ไหลลงมาจากหลังคาเหล็ก

พื้นบ้านเป็นหิน Kota ขัดมัน ให้ความเย็นในสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง วัสดุมุงหลังคาที่เป็นฉนวนช่วยปกปิดฝ้าเพดานคอนกรีตเปลือย ผนังและเพดานอิฐเปลือยสร้างความแตกต่างอย่างโดดเด่นไปกับพื้นที่มีสีเหมือนดิน เป็นความเรียบง่ายที่รู้สึกได้ถึงความสงบและผ่อนคลาย บนผนังยังประดับตกแต่งด้วยภาพทิวทัศน์และสัตว์ป่าที่เจ้าของบ้านชอบ

พื้นที่ส่วนตัวรวมถึงห้องนอนทั้งหมดจะอยู่บนแกนตั้งฉากกับโซนกึ่งส่วนตัว ห้องนอนหลักที่มีสวนหันไปทางทิศตะวันออกและคอร์ทยาร์ดทิศตะวันตก ซึ่งมีแนวของสวนและต้นไม้บังอยู่ การออกแบบนี้ช่วยให้แสงในตอนเช้าและตอนเย็นแทรกผ่านช่องว่างของต้นไม้และใบไม้ นำเสนอรูปแบบแสงและเงาที่งดงาม เหมาะสำหรับการจิบชาตอนเช้าบนเตียงและอ่านหนังสือตอนกลางคืน ส่วนห้องอาบน้ำสร้างบรรยากาศแบบเขตร้อนซึ่งมีต้นกล้วยและมอนสเตอร่าใบเขียวเข้มปลูกประดับอยู่ข้างใน