ปรับปรุงบ้านให้น่าอยู่
บ้านในยุคปัจจุบันมีแนวโน้มออกแบบมาในเส้นสายที่ชัดเจน สร้างพื้นที่ปิดที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน แต่ความเป็นส่วนตัวของบ้านกลับปิดกั้นตัวเองและทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคนและชุมชน ในบ้านนี้สถาปนิกจึงต้องการที่จะรักษาความคุณค่าของความเป็นมิตร ด้วยการ”เปิด” ให้บ้านยังคงต้อนรับผู้คนรอบข้างได้แบบวิถีเดิม ๆ เหมือนที่เคยมีมาเหมือนในอดีต แม้ว่ารูปลักษณ์ของบ้านจะใหม่ขึ้น แต่ยังแสดงให้เห็นวิธีที่บ้านแบ่งปันความรู้สึกต่อกันและกัน สภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยที่เอื้ออาทร วิถีที่คนในชุมชนดูแลกันและกัน บ้านแต่ละหลังที่เปิดประตูออกต้อนรับผู้มาเยือน ทำให้สัมผัสได้ว่า “เมื่อเปิดบ้านก็เท่ากับเปิดหัวใจ” ซึ่งหาได้ยากมากขึ้นในเมืองใหญ่ ๆ
ภาพโดย : ashui.com
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพใด ๆ เพื่อรับชมในขนาดขยายใหญ่
คงความเก่า เพิ่มความใหม่ ปรับปรุงบ้าน
บ้านแบบ Duplex หลังนี้อยู่ใน Vĩnh Long เขตชานเมืองของเวียดนาม เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปีสภาพเมืองก็เปลี่ยนไป ท่ามกลางบ้านรูปแบบใหม่ ๆ ที่รายล้อม ทำให้บ้านนี้ทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ และดูล้าสมัย เจ้าของบ้านที่เป็นคู่เกษียณจึงมีความคิดที่จะปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้กว้างขวางมากขึ้น ใส่ความสบายเข้าไปเพื่อจะได้ใช้ชีวิตเพลิดเพลินกับวัยชราและใช้เวลาร่วมกับลูกหลานในทุกโอกาส อย่างไรก็ตามที่นี่เต็มไปด้วยความทรงจำของครอบครัว ดังนั้นสมาชิกในครอบครัวจึงเห็นตรงกันว่าจะรักษารูปแบบของบ้านเก่าไว้ให้ทันสมัยบนรากฐานเก่า แม้จะไม่สวยโมเดิร์นอย่างสมบูรณ์แบบแต่ก็หลงเหลือจิตวิญญาณของบ้านแบบดั้งเดิมเอาไว้ให้ได้ระลึกถึง
สถาปนิกปรับปรุงโซนหน้าบ้านเก่าให้ดูร่วมสมัย โดยใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นบล็อกช่องลม อิฐแดง หลังคาดินเผาแบบเก่า แต่ใส่ความสะดวกในการใช้งานและวัสดุที่โมเดิร์นแทรกเข้าไป เช่น เส้นสายของโครงเหล็กสีดำให้บ้านแข็งแรงและคมชัดขึ้น ผนังติดบานเฟี้ยมเพื่อให้ง่ายต่อการเปิดผนังโปร่ง ๆ รับบรรยากาศสดชื่นจากธรรมชาติภายนอกได้เต็มที่ เฟอร์นิเจอร์ที่เคยใช้ในบ้านหลังเก่าก็นำมาจัดวางจัดระเบียบอย่างชาญฉลาด เพื่อให้เข้ากับส่วนประกอบใหม่ ๆ ผลที่ตามมาคือ ที่นี่ยังเหลือความทรงจำของบ้าน ถนน และผู้คนที่อาศัยอยู่รอบๆ โดยไม่แปลกแยกออกจากวิถีชีวิตในเขตชานเมืองของเวียดนาม
ผนังบ้านเดิมที่ปิดตัวบ้านทึบถูกรื้อออกทลายความทึบชวนอึดอัด เปลี่ยนเป็นประตูเหล็กที่เลือกปิดผนังทั้งสามด้านหรือเปิดโล่งทั้งหมดก็ได้
หลังคาบ้านที่ลาดเอียงทำให้อากาศร้อนลอยตัวขึ้นสู่ที่สูงได้ดี รอบ ๆ ห้องนั่งเล่นติดประตูบานเฟี้ยมไม้ระแนงกรอบเหล็ก ให้เจ้าของบ้านสามารถเปลี่ยนพื้นที่เปิดให้เป็นห้องปิดได้ง่าย ๆ ผนังที่เปิดได้กว้างทำหน้าที่ระบายอากาศให้บ้านไม่สะสมความร้อน ตอบโจทย์บ้านร้อนชื้นได้อย่างดี และยังช่วยขยายขอบเขตของบ้านสี่เหลี่ยมออกสู่ภายนอก ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ที่ว่างกลางบ้าน คอร์ทกลางแจ้ง เชื่อมเก่าเข้ากับใหม่
การรวมกันของบ้านแฝดสองหลังนี้ ให้ความสำคัญกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ใกล้เคียงด้วย ดังนั้นจึงไม่เพียงเหลือกลิ่นอายพื้นถิ่นแต่ต้องแอบมีความทันสมัยอยู่ในตัว ซึ่งสถาปนิกซ่อนความใหม่เอาไว้ในส่วนหลังของบ้าน วิธีการออกแบบคือ การรักษาครึ่งหนึ่งของหลังคาด้านหน้าเอาไว้ เพื่อรักษาความกลมกลืนกับชุมชนและจิตวิญญาณของบ้านเดิม จากนั้นจึงเว้นที่ว่างเปิดออกสู่ท้องฟ้าเอาไว้ตรงกลาง เป็นสวนกลางแจ้งภายในบ้านสร้างพื้นที่เชื่อมต่ออาคารใหม่ 2 ชั้นที่สร้างเพิ่มทางด้านหลัง เมื่อมองภาพตัดข้างจะเห็นว่าบ้านทั้งสองเป็นแบบ “HALF ROOF” หรือบ้านที่ถูกเฉือนตัดหลังคาออกเหลือหลังละครึ่ง ทำให้ได้บ้านที่ทันสมัยแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกคุ้นเคย
พื้นที่กลางแจ้งขนาด 5 เมตร สร้างช่องว่างเปิดออกสู่ท้องฟ้า จัดสวนไว้ภายในเพื่อเป็นปอดของบ้านให้หายใจได้สบาย ลดความอึดอัดของตัวอาคารตามความตั้งใจของผู้อยู่ ช่องเปิดนี้เป็นตัวกลางสร้างความต่อเนื่องระหว่างภายใน-ภายนอก และอาคารด้านหน้า-ด้านหลังเข้าด้วยกันอย่างลื่นไหลสมบูรณ์แบบ ระหว่างอาคารมีประตูบานเลื่อนเหล็กที่เชื่อมต่อกันผ่านช่องว่างนี้ เจ้าของสามารถพับเก็บได้หรือเปิดช่องระบายอากาศ และช่วยเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้พื้นที่รับประทานอาหารและอาคารด้านหน้า
ห้องครัวที่อยู่ชั้นล่างฝั่งโซนบ้านใหม่ เป็นครัวเปิดออกสู่สวนมีช่องแสงแบบบ้านโมเดิร์น แต่ชุดโต๊ะทานข้าว ตู้เก็บของยังเป็นงานไม้รูปแบบเดิม ๆ ที่เคยใช้
โซนอาคารใหม่นี้ เป็นบ้าน 2 ชั้นประกอบด้วย ครัวบริเวณชั้นล่าง และห้องนอนของสมาชิกในบ้าน ลุคบ้านค่อนข้างทันสมัย ด้วยโครงสร้างหลัก ๆ ที่ทำจากเหล็ก บานกระจกใส และคอนกรีต ดูสวยงามน่าประทับใจ ใแต่สถาปนิกก็ไม่ลืมที่จะใส่รายละเอียดในการตกแต่งจุดต่าง ๆ ของบ้านให้ใกล้เคียงกับความรู้สึกของ “วันเก่า ๆ ” ด้วยการแทรกงานไม้ กระเบื้องดินเผาฝีมือช่างพื้นถิ่น และอิฐสีส้มอมแดงลงไป
ในห้องนอนทำโครงเป็นหลังคาจั่วสูงเพื่อเพิ่มความรู้สึกโปร่งสบาย บริเวณผนังกระจกบางส่วนตกแต่งด้วยท่อนไม้เล็ก ๆ เพิ่มเอกลักษณ์ที่น่ามองให้กับบ้าน อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือการทำพื้นที่ทางลาดสำหรับนั่งเล่นในห้อง ซึ่งสอดรับกับรูปร่างของช่องแสงที่เป็นลาดเอียงเหมือนบันได ให้เจ้าของห้องใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นชมวิวและเป็นจุดรับแสงแนวนอนที่ดูแปลกตาไม่มีใครเหมือน
ห้องน้ำตกแต่งผนังบางส่วนด้วยปูนขัดมัน พื้นปูด้วยกระเบื้องลายหินสีดำ ดูเป็นธรรมชาติเข้ากันได้ดีกับต้นไม้เขียว ๆ ที่ปลูกไว้ภายใน ด้านบนเจาะเพดานใส่เหล็กดัด ปล่อยให้แสงส่องลงมาเติมความสว่างได้เต็มที่ เพดานเปิดโปร่ง ๆ จึงดูเหมือนยกพื้นที่กลางแจ้งมาเก็บในห้องน้ำ ทุกครั้งที่เข้ามาใช้งานจึงรู้สึกสบายและได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น
ภาพรวมภายในของบ้าน จะเห็นความโปร่งและสว่าง การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างงานไม้ เหล็ก กระจก และธรรมชาติ ที่รวมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ความลื่นไหลของแต่ละพื้นที่ที่เชื่อมต่อถึงกันได้หมด ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนของบ้านก็ไม่ขาดการติดต่อ ทำให้การใช้ชีวิตในบ้านเป็นเรื่องที่น่าสนุก
ในยามค่ำเมื่อเปิดแสงไฟส่องสว่าง แสงที่ลอดผ่านช่องเปิดและกระจกทำให้บ้านที่ดูนิ่ง ๆ เรียบ ๆ ในช่วงกลางวันกลับดูสวยงามมีชีวิตชีวามากขึ้น อาจกล่าวได้ว่าแม้ว่าภายนอกอาคารอาจจะไม่ได้เป็นที่น่าสนใจมากนัก แต่ช่องว่างส่วนกลางของบ้านนี้สามารถพิชิตใจทุกคนได้ด้วยรูปลักษณ์ ที่เหมือนตัดบ้านแบ่งครึ่งแล้วแทรกช่องเปิดขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับบ้านในแถบนั้น นอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นว่าระหว่างความเก่าโบราณและยุคสมัยใหม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้หลังคาเดียวกัน
แปลนบ้าน
