บ้านชั้นเดียวมีเฉลียงกว้างเชื่อมต่อสวน

เป็นความจริงที่ว่า บางคนต้องจากบ้านเข้าไปหารายได้ในเมืองใหญ่ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตดี ๆ แต่เมื่ออยู่ไปนานๆ จนรู้สึกเบื่อหน่ายกับเมืองและตึกสูงระฟ้า ก็อยากจะเอาตัวเองออกมายังสถานที่ที่รู้สึกผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ แม้จะห่างจากเมืองและต้องเพิ่มเวลาในการเดินทางก็ถือว่ายังคุ้มอยู่ดี โครงการบ้านในญี่ปุ่นจังหวัดชิบะนี้ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาอยากย้ายครอบครัวมาอยู่พื้นที่ชนบท จึงเริ่มมองหาที่ดิน จนได้เป็นเจ้าของพื้นที่ขนาดกว่า 1,000 ตร.ม. เพื่อใช้ชีวิตที่พวกเขาสามารถสนุกกับทำงานในสวนกับลูกๆ พร้อมสุนัขตัวใหญ่สองตัว การวางแผนสร้างบ้านจึงค่อยๆ เริ่มขึ้น

ออกแบบ: Okuno Architectural Planning
ภาพถ่าย: Yasuhiro Nakayama
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

ที่ดินผืนนี้อยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียงประมาณหนึ่งชั่วโมง รอบๆ เต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่ชวนให้สดชื่น ครอบครัวจึงตัดสินใจย้ายไปยังชนบท และเลือกรูปแบบของบ้านที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่สุด ด้วยวัยที่อยู่ในช่วงกลางคนและเข้าใจดีว่าการขึ้นลงบันไดในวัยชรานั้นเป็นเรื่องยาก จึงเลือกทำบ้านชั้นเดียว แปลนแบบพื้นราบยังช่วยลดความเครียดทางร่างกาย และยังเชื่อมต่อกับบริบทรอบๆ ได้ง่ายด้วย บทสรุปจึงออกมาในรูปแบบสไตล์ “ญี่ปุ่นสมัยใหม่” ผสมผสานลายไม้และสีดำเข้าด้วยกัน ด้านหน้าทางเข้ามีช่องเปิดน้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของฉนวนกันความร้อน และให้ความเป็นส่วนตัว

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

เพื่อให้สนุกกับชีวิตในชนบท สถาปนิกคิดว่าจะเชื่อมต่อภายในและภายนอกอย่างไรโดยไม่เครียด จากภายนอกของบ้านที่ดูปิดภายนอก จึงหันมาเปิดออกภายในโดยเน้นที่ประตูที่เปิดได้กว้างหลายเมตร พร้อมกับสร้างเฉลียงที่มีหลังคาลาดเอียงคลุม ซึ่งขนาดใหญ่พอ ๆ กับห้องนั่งเล่นในบ้าน ทำให้การออกไปเที่ยวเล่นในสวนเป็นเรื่องง่าย หลังคาส่วนเฉลียงทำจากแผงโพลีคาร์บอเนตที่เปิดรับแสงเข้ามาได้ และบานเกล็ดไม้ที่สร้างเงา สร้างพื้นที่กึ่งกลางแจ้งที่สว่างสดใสสามารถใช้ได้ในทุกฤดูกาล

ไซต์ขนาดใหญ่ได้รับการพัฒนาและสร้างองค์ประกอบอื่นๆ โดยเจ้าของมาเรื่อยๆ อาทิ โรงเก้บเครื่องมือ สนามหญ้าสำหรับให้เด็ก ๆ และสุนัขวิ่งออกกำลังกาย ลานบาร์บีคิว พื้นที่สูบน้ำที่ใช้สูบน้ำจากบ่อ งานไม้ที่ใช้ฟืนและไม้ไผ่ และโรงเลื่อยไม้ที่ใช้เผาวัสดุเหลือใช้ เป็นต้น

ในส่วนดีไซน์และฟังก์ชันใช้งานของบ้าน เจ้าของได้ลบรายละเอียดรอบๆ ประตูและหน้าต่าง เช่น มุ้งลวดและกรอบ ซึ่งทำให้พื้นปูนขัดมันที่เฉลียงภายนอกเชื่อมต่อกับการตกแต่งภายใน สร้างสภาพแวดล้อมที่ทั้งสุนัขและคนสามารถเข้าออกได้แบบไร้รอยต่อ เมื่อเปิดประตูบานเลื่อนออกเก็บไว้ด้านข้าง เฉลียงและโซนใช้ชีวิตในบ้านก็จะกลายเป็นพื้นที่เดียวกัน

สำหรับพื้นที่หลัก ๆ ของบ้านอย่าง ห้องนั่งเล่น ครัวและทานอาหารจะเปิดออกต่อเนื่องกันหมดในห้องโถงขนาดใหญ่ ต่างจากบ้านสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่มักจแบ่งออกเป็นส่วนเล็กๆ แต่ด้วยการสร้างพื้นที่สไตล์ตะวันตกขนาดใหญ่ จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเปิดกว้าง ผ่านประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ยาวหลายเมตรทั้งสองด้าน พื้นที่ส่วนรวมของบ้านได้รับแสงสว่างจากทั้งช่องเปิดด้านข้าง และช่องแสงสกายไลท์และถึงแม้จะหันหน้าไปทางทิศเหนือ แต่ก็เป็นบริเวณที่สว่างตลอดทั้งวัน ขยับไปทางด้านหลังจะมีเตาผิงและโต๊ะทำงานวางไว้ เป็นพื้นที่ของคุณพ่อสำหรับแยกออกมาทำงานอย่างอ่อนโยน

จากมุมครัวจะมองเห็นทางเข้าและพื้นที่ส่วนใหญ่ของบ้านทั้งหมด ฝ้าเพดานกรุด้วยไม้แอชบอร์ดเอียงตามแนวหลังคา สีธรรมชาติของไม้ที่ดูอบอุ่น ตัดกับความเรียบสะอาดตาของสีขาวของผนัง ทำให้รู้สึกได้ถึงพื้นที่และสร้างมิติให้กับบ้าน

โถงทางเดินกลางบ้านที่เชื่อมต่อมาจากทางเข้ามีเพดานเฉียงสูง ทำหน้าที่เป็นเสมือนเส้นทางในชีวิตประจำวันที่เชื่อมต่อพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ส่วนตัว โดยจะมีส่วนที่เป็นทึม ๆ อยู่จุดหนึ่ง ซึ่งทาด้วยสีพิเศษจะถูกนำมาใช้เป็นแกลอรี่ให้ความรู้สึกลึกลับ แล้วทีมงานก็แทรกด้วยช่องแสงสกายไลท์ บริเวณนั้นจึงสว่างขึ้นจากแสงธรรมชาติ โดยไม่ต้องเปิดไฟในช่วงเวลากลางวัน ในบ้านนี้ยังจัดให้มีห้องสำหรับสุนัขตัวใหญ่ 2 ตัว ไว้ด้วย จะเห็นว่าความสูงของทางเข้าเตี้ยกว่าห้องอื่น เพราะปรับให้เข้ากับความสูงของสุนัข

ห้องเด็กเล่นที่ต่อเนื่องมาจากโซนใช้ชีวิตส่วนรวม มาจากแผนการที่ทำให้ภายในบ้านโปร่งโล่งที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ โดยมีประตูบานเกล็ดไม้ ทำหน้าที่ปิดแยกสัดส่วนแต่ละห้องเป็นอิสระออกจากกัน และเปิดออกให้เป็นส่วนขยายของห้องนั่งเล่น ซึ่งอาจจะกลายเป็นพื้นที่สำหรับงานอดิเรกของคุณพ่อคุณแม่หลังจากที่ลูกๆ ย้ายออกไปแล้ว หรือใช้รองรับกิจกรรมอื่นๆ ได้แบบอเนกประสงค์

ห้องนอนใหญ่ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออก มีหน้าต่างช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงหัวเตียงที่ตัดผ่านดงไผ่ด้านหลัง เหมือนมีกรอบรูปใส่ภาพธรรมชาติตกแต่งอยู่ ส่วนของเพดานนั้นจะทำเป็นเพดานเฉียงสูงสลับด้านกัน ในระหว่างทั้งสองชั้นจะมีที่ว่างใส่ skylight ดึงแสงเข้าสู่ภายในแบบไม่ร้อน และยังช่วยเรื่องการระบายอากาศด้วย