บ้านสีโมโนโครม
ถ้าคุณอยากเป็นเจ้าของบ้านที่ดูไร้กาลเวลาสักหลัง การเลือกโทนสีบ้านแบบโมโนโครม (monochrome) อย่างสีขาว เทา และดำ เป็นความคิดที่ดีทีเดียวครับ อย่างที่เราจะได้เห็นในบ้านหลังนี้ก็ดูเรียบ ขรึม แต่มีความเท่ในตัวด้วยวัสดุคอนกรีตสีเทาที่เข้ามาเสริมทัพ บ้านนี้ไม่ได้มีดีที่สีอย่างเดียว แต่ยังใส้ความคิดเชิงลึกที่สร้างสมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวและความสัมพันธ์กับธรรมชาติ โดยเน้นบรรยากาศแบบผสมผสานและแอบเปิดโล่งกว้างอยู่ภายในที่แบบคาดไม่ถึง
ออกแบบ : Eastop Architects
ภาพถ่าย : Willem-Dirk du Toit
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
Eastbourne บ้านสีดำเข้มที่ตัดกันกับคอนกรีตสีเทา ด้วยไซต์ขนาดกะทัดรัดและอยู่ติดในถนน Chapel Street ที่พลุกพล่าน สถาปนิก Eastop ได้รับมอบหมายให้ออกแบบบ้านของครอบครัวใหม่ ที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวและยังมีปฏิสัมพันธ์กับรอบข้างและธรรมชาติได้ สถาปนิกก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะตอบสนองด้วยวิธีแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ที่ชัดเจน โดยเริ่มจากด้านหน้าที่ใส่จังหวะของช่องเปิดเล็ก ๆ สลับแผ่นคอนกรีตข้างล่าง เพื่อปิดกั้นเสียงจอแจจากภายนอก แต่ผนังชั้นบนที่พรางตาให้เหมือนปิดทึบนั้นเป็นฟาซาดบานระแนงที่สามารถเปิดออกได้
ด้านหน้าของบ้านมีส่วนโรงรถที่มีประตูบานหมุนขนาดใหญ่ทำจากวัสดุกระจกฝ้าลอน ซึ่งทำให้ความรู้สึกปิดกั้นตัวเองนั้นดูอ่อนลงไป ช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Eastbourne กับท้องถนนมีชีวิตชีวาขึ้น ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถปรับขอบเขตของอาคาร และตอบสนองความต้องการด้านแสงและความเป็นส่วนตัวตามความต้องการได้ ใกล้ๆ กันมีช่องทางเข้าที่ยกพื้นขึ้นเล็กน้อยมีผนังเฉียงๆ สีดำเหมือนใบมีดทำมุมที่ทำให้รู้สึกเหมือนหายเข้าไปในทางที่ลึกลับ
สำหรับการตกแต่งภายในแนวคิดหลักการแบ่งปันแสง พื้นที่ และอากาศผ่านความโปร่งใส เมื่อเดินเข้าประตูบ้านมาแล้วจะเคลื่อนผ่านห้องนอนและห้องแต่งตัวด้านหน้าของบ้านที่ดูแคบและมืดไปสู่ความสว่างและโปร่งกว้างอย่างรวดเร็ว ด้วยการต้อนรับผ่านโถงสูงสองเท่าตรงใจกลางบ้านที่ดูน่าทึ่ง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากงานศิลปะของ Bruce Nauman, ‘Room With My Soul Left Out, Room That Does Not Care’ (1984)
“เราพยายามที่จะไม่กำหนดให้ใช้พื้นที่มากเกินไป” เพราะพื้นที่ค่อนข้างจำกัดหากกำหนดพื้นที่ด้วยการก่อผนังทึบยิ่งทำให้บ้านดูแคบ Eastop Architects วางฟังก์ชันห้องทานข้าว ห้องนั่งเล่น และครัวเรียงต่อเนื่องกันในแปลนแบบ open plan ในขณะที่เฟอร์นิเจอร์มีน้อยชิ้นในโทนสีเทา ขาว ดำ ทำให้บ้านโล่งและลื่นไหล
ความน่าสนใจของบ้านอยู่ที่รูปแบบของแสง ที่เน้นลูกเล่นช่องแสงจากด้านบน สถาปนิกนำรูปแบบไม้กางเขนสามมิติของ Nauman มาปรับปรุงใหม่ โดยจัดเรียงคานคอนกรีตบนเพดานวางซ้อนทับกันเป็นตารางในกรอบช่องแสงขนาด 4×4 เมตร ทำให้เกิดแสงและเงาตกกระทบภายในลงบนผนังที่มี Texture หยาบๆ อย่างสวยงาม การทำช่องแสง Skylight ยังเป็นไปเพื่อเพิ่มการเข้าถึงแสงเข้าสู่ภายในให้ได้มากที่สุดผ่านช่องทางอื่นๆ เนื่องจากรอบข้างบ้านเต็มไปด้วยกำแพงสูง
ช่องแสงจัดวางเชิงพื้นที่แบบเปิดเป็นช่องๆ ซึ่งแต่ละช่องทางแต่ละด้านจะแสดงถึงการใช้งานพื้นที่ที่กำหนดไว้ เช่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และลานภายในบ้าน ก็จะมีช่องทางรับแสงในรูปแบบที่ต่างกัน เอฟเฟ็กต์ของแสงที่ตกกระทบนี้มีลักษณะเหมือนภาพยนตร์และสร้างบรรยากาศที่เหมือนแกลเลอรี ซึ่งสะท้อนไปทั่วบ้านทั้งในด้านขนาด รูปแบบ และการตกแต่ง นอกจากนี้ตลอดแนวทางของวัสดุนั้น แม้ถูกจำกัดเรื่องโทนสี แต่ยังมีการแบ่งระดับชั้นด้วยความแตกต่างระหว่างสีเข้มและสีอ่อน หยาบและเรียบ ผิวด้านและการสะท้อนแสง
ขยับจากพื้นที่ทานอาหารจะเชื่อมต่อเข้าสู่ครัว เราจะเห็นการใช้ลูกเล่นเท่ๆ หลายอย่าง เช่น การเชื่อมต่อส่วนของการโต๊ะอาหารสีดำให้เชื่อมต่อมายังไอสแลนด์สีเดียวกันในห้องครัว แต่ไอสฺแลนด์จะถูกยกระดับพื้นขึ้นเล็กน้อย เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงขอบเขตการใช้งานที่เปลี่ยนไป ในระหว่างจุดที่เชื่อมต่อกันของโต๊ะกับไอส์แลนด์ที่เสียต่อกันจึงดูเหมือนกำลังลอยตัวอยู่ ดูแล้วเหมือนเป็นงานศิลป์ที่แสดงโชว์ในแกลเลอรีชิ้นหนึ่ง เป็นยกระดับแนวทางปฏิบัติในชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยได้อย่างน่าทึ่ง
บ้านนี้มีกำแพงล้อมรอบสามด้าน พื้นที่ถูกจำกัดด้วยขนาดไซต์ แสง และโจทย์เรื่องความเป็นส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกันเจ้าของก็ต้องการการเข้าถึงพื้นที่ธรรมชาติและความรู้สึกเปิดกว้างเป็นอิสระ ดูเหมือนโจทย์จะมีความขัดแย้งกันในตัวแต่สถาปนิกก็ก้าวข้ามไปได้ทุกจุด ตั้งแต่การเข้าถึงแสงผ่าน skylight และยังเพิ่มการเชื่อมโยงประสบการณ์ทั้งภายในและภายนอก ด้วยการทำผนังบานเฟี้ยมพับเก็บได้ในส่วนครัวและห้องนั่งเล่น ทุกด้านหันหน้าเข้าหาคอร์ดในบ้านที่จัดสวนกรวดเอาไว้ ทำให้บ้านได้เป็นส่วนหนึ่งของแสงและภูมิทัศน์ เมื่อประตูกระจกสายลมเย็นๆ จะไหลผ่านตัวบ้าน ต้นไม้ที่เขียวขจีและกรวดสีขาวยังช่วยลดความแข็งแกร่งของผนังโดยรอบด้วย
จากที่กำแพงเป็นข้อจำกัด สถาปนิกพลิกแพลงใช้กำแพงเพื่อประโยชน์ของบ้าน โดยให้ทำงานสร้างขอบเขตเพื่อบดบังสายตาจากเพื่อนบ้าน แล้วจึงเปิดพื้นที่บ้านกว้างๆ ข้างในให้สามารถใช้ชีวิตในกรอบบ้านได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว
สถาปนิก Eastop ได้จัดห้องชุดห้องนอนหลักไว้บริเวณด้านเหนือของบ้าน เพื่อดึงแสงธรรมชาติอันอบอุ่นเข้ามา กั้นด้วยฟาซาด Façade ไม้ระแนงที่เปิดปิดได้ และบุด้วยม่านโปร่งๆ หน้าต่างหลายชุดช่วยให้ห้องรู้สึกเชื่อมต่อกับถนน แต่ได้รับการปกป้องอย่างดีจากเสียงอึกทึกในเขตชานเมืองด้านล่าง ส่วนห้องน้ำแยกระหว่างห้องนอนหลักและห้องรอง 2 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องจะมองเห็นวิวของลานภายในอันเขียวขจีข้างล่างได้ด้วย
บ้านไอเดียแชร์ไอเดีย : หัวใจหลักในการออกแบบบ้านแต่ละหลังแตกต่างกันไปตามโจทย์ของผ้อยู่อาศัย แต่บ้านไอเดียพบว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น พื้นที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวจากภายนอกค่อนข้างมาแรง เพราะเจ้าของบ้านหลายคนอาจจะเคยประสบปัญหากับการที่ผู้คนผ่านไปมามองเห็นกิจกรรมการใช้ชีวิตภายในแล้วรู้สึกไม่สะดวกใจ แต่ถ้าจะปิดทึบทั้งข้างนอกข้างในก็จะทำให้บ้านมืด ชื้น อึดอัด ทางเลือกที่น่าสนใจคือ การปิดนอก-เปิดใน โดยอาจใช้ฟาซาดที่มีความโร่งสลับทึบช่วยพรางตาปิดด้านนอก และหันมาเปิดโล่งด้านใน เพื่อให้มีพื้นที่ทำกิจกรรมภายในบ้านอย่างอิสระ และสามารถรับแสงรับลม ใส่ธรรมชาติลงไปอย่างใกล้ชิดกับบ้านได้ด้วย |