
เลือกวัสดุและชุดสีที่กลมกลืนธรรมชาติ
สภาพของภูมิประเทศที่จะสร้างบ้าน บางครั้งก็กลายเป็นแรงบันดาลใจหลัก ๆ ในการออกแบบอาคารของสถาปนิก ซึ่งหลายๆ สำนักมักจะเลือกวัสดุ โทนสี และดีไซน์ที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนอย่างเคารพกับบริบทแวดล้อมมากกว่าการให้อาคารเด่นโดดออกมาแย่งซีนมากเกินไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเช่นบ้านหลังนี้ที่ตั้งในหุบเขาเมกะลอง ประเทศออสเตรเลีย มีลักษณะเด่นคือหน้าผาหินทรายสูงชัน และทิวทัศน์ป่าพุ่มไม้บลูเมาน์เทนส์แบบไม่มีสิ่งกีดขวาง ดังนั้นจึงออกแบบบ้านด้วยเส้นสายเรียบง่าย วัสดุโทนสีธรรมชาติ มองดูไกลๆ เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของฉากหลังอย่างสมดุล
ออกแบบ : J Mammone Architecture
ภาพถ่าย : Katherine Lu, Tom Ferguson
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
Golden Vale เกิดขึ้นจากคน 2 คน ที่เหนื่อยจากทำงานหนักและอยากมีบ้านพักที่สามารถดื่มด่ำกับการถ่ายภาพ ธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหุบเขาเมกะลองตอบความต้องการได้เป็นอย่างดี บริเวณนี้เต็มไปด้วยต้นไม้และผาสูง เมื่อค่อยๆ เดินลงมาจากหุบเขาจะรู้สึกดื่มด่ำกับธรรมชาติ ท่ามกลางถนนที่เรียงรายไปด้วยเฟิร์นในป่าฝนชวนให้สดชื่น พอถึงด้านล่างจะสบายสายตากับทิวทัศน์ที่เกิดจากทุ่งหญ้าโล่ง แสงที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาที่กระทบกับหินเหมือนเป็นอัญมณีในชนบท ด้วยบริบทเหล่านี้สถาปนิกจึงต้องการออกแบบบ้านที่ซึมซับธรรมชาติได้รอบด้านเป็นหลักสำคัญ
ดีไซน์บ้านมีลักษณะเด่นเฉพาะตัว คือ มีการแสดงออกทางสถาปัตยกรรมที่เส้นสายชัดเจน แต่ยังคงไว้ซึ่งความกลมกลืนกับสถานที่ด้วยวัสดุ เพื่อสร้างบรรยากาศอันสงบเงียบเหมือนดั่งบ้าน “Golden Vale” ที่เจ้าของจินตนาการไว้ โดยตัวอาคารประกอบด้วยรูปแบบทรงกล่องเฉียงสูงที่ยื่นออกมาหลายชุด ซึ่งจะหมุนออกจากส่วนกลาง เพื่อเก็บภาพมุมมอง 360 องศา ช่องเปิดกระจกขนาดใหญ่ประกอบกับกรอบสีดำ ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ทิวทัศน์ธรรมชาติและช่วยเบลอขอบเขตระหว่างสิ่งที่สร้างขึ้นและสิ่งที่ไม่ได้สร้างขึ้น
โครงสร้างที่เห็นได้ชัดจุดหนึ่ง คือ ผนังสีเทาเป็นชั้นๆ ซึ่งทำจากดินอัดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะสะท้อนถึงหน้าผาหินทราย คอนกรีต กระจก ตัดด้วยสีดำสนิทของไม้ที่ผ่านการเผาผิวหน้าและไม้โทนสีน้ำตาล สะท้อนถึงเปลือกไม้ที่ลอกล่อนของต้นไม้โดยรอบ ไม้วีเนียร์ไม้ที่มีจุดสีสะท้อนกับแสงสีทองที่ส่องกระทบ ในขณะที่หินโดโลไมต์สีขาวบริสุทธิ์เลียนแบบเส้นทางธรรมชาติของไซต์ วัสดุเหล่านี้สร้างเปลือกนอกของอาคารที่เกิดจากจากการตีความเพื่อตอบสนองต่อสถานที่อย่างชาญฉลาด
อาคารกล่องขนาดใหญ่ที่สุดเป็นจุดหลักของบ้านที่ใช้งานพื้นที่สาธารณะ ประกอบด้วย พื้นที่นั่งเล่น โต๊ะทานอาหาร และครัว ที่เปิดเชื่อมต่อกันหมดในบริเวณเดียว ซึ่งการจัดวางภายในระหว่างกล่องอื่นๆ ถูกคั่นด้วยห้องนอนส่วนตัว ทำให้พื้นที่นั่งเล่นแบบเปิดโล่งกลายเป็นหัวใจของบ้านโดยแท้จริง เพดานกรุไม้หลากสีที่ลาดเอียงดึงดูดสายตาของผู้ใช้งานให้มองขึ้นไปที่หน้าผาและท้องฟ้าสีฟ้าได้อย่างชัดเจน
การเชื่อมต่อระหว่างตัวบ้านกับไซต์ถือเป็นอีกเรื่องสำคัญที่สุดตามคำขอของผู้เป็นเจ้าของ ดังนั้นวัสดุหลักที่จะตอบโจทย์นี้ได้ดีต้องยกให้ กระจก เราจะเห็นผนังบ้านหลายๆ จุดใช้ประตูบานเลื่อนแบบฝังตัวในผนัง (Pocket Door) ขนาดใหญ่ ช่องกระจกสูงจากพื้นถึงเพดาน ความใสของกระจกทำหน้าที่ช่วยเบลอขอบเขตระหว่างภายในกับภายนอก ใส่การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อกับทิวทัศน์ธรรมชาติ และยังดึงแสงสีทองให้เข้าไปในพื้นที่ภายในจุดที่ต้องการได้ ด้วยวิธีนี้ แม้บ้านอาจจะดูไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่ก็กว้างขวางพอที่จะสร้างบรรยากาศของความสะดวกสบายและความเงียบสงบ
ในขณะที่ภายนอกอาคารดูเข้ม เรียบคม จากเส้นสาย วัสดุ และสีที่ดูกระด้าง แต่ภายในกลับได้รับการทำให้ดูนุ่มนวลขึ้นด้วยชั้นไม้ธรรมชาติ เฟอร์นิเจอร์นุ่มๆ และผลิตภัณฑ์ไม้ปิดผิว เพื่อสร้างบรรยากาศในการอยู่อาศัยที่ผ่อนคลายมากขึ้น ส่วนพื้นเป็นคอนกรีตขัดเงาที่ได้รับความร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ ช่วงฤดูหนาวจึงอบอุ่นสบายเท้า
ผนังห้องนอนล้อมด้วยไม้สีดำที่ไม่ได้ผ่านการทาสี แต่ใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่นที่เรียกว่า “YAKISUGI” หรือการนำไม้ (ซีดาร์) มาเผาผิวด้วยไฟ เป็นการถนอมเนื้อไม้ซีดาร์ที่ขึ้นชื่นว่าทนทานต่อสภาพอากาศอยู่แล้ว ให้มีคุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้น สามารถป้องกันปลวกและแมลงกัดกินเนื้อไม้ ลดการหดขยายตัวของไม้ และยังป้องกันการลามไฟได้ดี
ห้องอาบน้ำก็ยังมีผนังกระจก ทุกครั้งที่นอนแช่ตัวในน้ำอุ่นๆ พร้อมชมวิวไปด้วย จะให้ความสุนทรีย์ที่หาได้ยากในเมืองทำให้ผ่อนคลายทั้งร่ายกายและจิตใจ เราสามารถพูดได้ว่าบ้านนี้เป็นตัวแทนของการแสดงออกทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและหยั่งรากลึกในธรรมชาติ ผ่านการเลือกใช้วัสดุและชุดสีที่สมบูรณ์แบบ
แปลนบ้าน