
บ้านผนังอิฐโมเดิร์นทรอปิคอล
บ้านในแต่ละโซนของโลกมีลักษณะเฉพาะต่างกัน โดยหลักการควรออกแบบตามสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศ เพื่อให้สามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบายเป็นหลัก อย่างบ้านเขตร้อนชื้นก็ควรจะต้องออกแบบให้ระบายอากาศได้ หลบร้อนหลบฝนดี แต่ก็ต้องมีช่องทางรับแสงภายในได้เหมาะสมเช่นกัน หากใครกำลังมองหาบ้านเย็นๆ ในเขตร้อน แนะนำให้ชมผลงานชิ้นนี้ของสถาปนิก Tropical Space ที่สร้างเสร็จในปี 2022 ซึ่งสะท้อนถึงเรื่องราวอันอบอุ่นใจของครอบครัวหนึ่ง ที่อยากใช้ชีวิตช่วงบั้นปลายร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออาทร เงียบสงบ และเย็นสบาย
ออกแบบ : Tropical Space
ภาพถ่าย : Hiroyuki Oki
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
Nhà Bè เป็นชื่อโครงการบ้านอันแสนสบายสำหรับการใช้ชีวิตหลายเจเนอเรชั่น ตั้งอยู่ใน Phu Xuan ชานเมืองอันเงียบสงบและเขียวขจีของเวียดนาม เจ้าของเป็นสตรีวัยกลางคนสี่คนและแม่ที่รักของพวกเธอ ทั้งหมดวางแผนที่จะสร้างความทรงจำใหม่ๆ และใช้ช่วงเวลาที่เหลือในชีวิตด้วยกัน ด้วยที่ตั้งห่างไกลจากชุมชนเมืองที่มีความหนาแน่น การออกแบบ Nhà Bè House จึงเน้นการผสมผสานสถาปัตยกรรม ธรรมชาติ และครอบครัวให้ลงตัวที่สุด
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
สิ่งที่ทำให้บ้านนี้แตกต่างอย่างโดดเด่นในย่านนี้ คือ การใช้อิฐเป็นหลักเหมือนสถาปัตยกรรมอิฐที่หาดูได้ยาก ผนังที่มีทั้งโซนทึบและฟาซาดช่องลม ทำให้ภาพรวม Nhà Bè เป็นบ้านที่ปิดเป็นส่วนตัวจากเพื่อนบ้าน แต่ยังสามารถเปิดรับธรรมชาติด้วยรูพรุนบนผนังและลานบ้านที่ที่ว่างเปิดออกสู่ท้องฟ้า นอกจากนี้ยังมีแนวต้นไม้เขียวชอุ่มที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับพื้นที่อยู่อาศัยที่มีลมพัดผ่าน และม้านั่งอิฐขนาดใหญ่ที่ก่อเป็นวงกลมล้อมกระถางต้นไม้อยู่
ฟาซาดอิฐเว้นช่องเป็นเหมือนฉากฉลุ ช่วยกรองแสงที่รุนแรงในช่วงบ่ายและพรางตาจากสายตาผู้คน ระหว่างแผงฟาซาดกับตัวบ้านจะคั่นด้วยช่องว่างเปิดออกสู่ท้องฟ้า จัดเป็นสวนที่ทอดผ่านพื้นที่ ลักษณะทางธรรมชาตินี้ช่วยคลายร้อนในฤดูร้อนได้ ลมที่พัดผ่านพื้นที่อยู่อาศัยจะดูดซับความชื้นจากคลอง ทำให้สภาพแวดล้อมภายนอกเย็นลงอย่างมีประสิทธิภาพ ถัดจากสวนมาถึงประตูหน้าบ้าน เป็นประตูบานไม้ระแนงติดกระจก ซึ่งจะช่วยสร้างระดับความเป็นส่วนตัวหลายๆ ชั้นที่ค่อยเป็นค่อยไประหว่างพื้นที่ภายในบ้านกับถนน
ห้องนั่งเล่นแบบเปิดโล่งในแนวนอน ด้านหนึ่งเชื่อมต่อกับสวนและสนามหญ้าหน้าบ้านได้อย่างลงตัว ด้านหนึ่งต่อเนื่องกับพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ อาทิ ครัวและโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ ถือเป็นหัวใจของบ้าน ให้สมาชิกในครอบครัวสามารถมารวมตัวทำกิจกรรมประจำวันได้พร้อมๆ กันในสเปซโล่งกว้าง การจัดวางแบบนี้ยังช่วยส่งเสริมการสื่อสารระหว่างสมาชิกในครอบครัวในแต่ละวัน พื้นที่ทั้งหมดยังมีความเชื่อมโยงกับสวนกลางแจ้งและในร่ม ส่งเสริมอารมณ์เชิงบวก พลังงาน และความสะดวกสบายสำหรับผู้อาศัย
ไม่เพียงการเปิดบ้านเชื่อมต่อในแนวนอนผ่านการลดผนังที่ไม่จำเป็นเท่านั้น การออกแบบภายในยังเน้นสร้างบรรยากาศของความเปิดโล่งและการเชื่อมต่อในแนวตั้งด้วย เช่น โถงสูงสี่เหลี่ยมล้อมรอบช่องเปิดขนาดใหญ่ตรงกลางที่วางตำแหน่งบันไดและประดับด้วยต้นไม้ เหนือส่วนนี้มีสกายไลท์ขนาดใหญ่ทำให้บ้านแสงธรรมชาติส่องถึง พร้อมเปิดช่องทางให้อากาศไหลเวียนภายในได้ดี
บันไดไร้ลูกตั้งและเส้นสายโครงสร้างเหล็กสีดำ เสริมความรู้สึกโปร่งเบาลอยตัว ไม่ปิดกั้นการเดินทางของแสงและลม เชื่อมมิติทางพื้นที่และสายตา ดูราวกับเป็นงานแสดงศิลปะในใจกลางบ้าน
บ้านหลังนี้มีหลังคาทรงจั่วที่ระบายน้ำฝนได้ดี และมีช่องว่างตรงกลางที่ทะลุสูงขึ้นไปจนถึงห้องใต้หลังคา โดยมีแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ที่เจาะเป็นช่องแสงสกายไลท์กั้นอยู่ การจัดวางแบบนี้ทำหน้าที่เป็นตัวกันชนความร้อน ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากรังสีดวงอาทิตย์ ในขณะที่อากาศร้อนจะลอยขึ้นสู่ห้องใต้หลังคาและระบายออกทางช่องเปิดบนหลังคา อากาศเย็นที่มีความชื้นจากคลองในชุมชนจะไหลผ่านตัวบ้าน ระบบระบายอากาศตามธรรมชาตินี้ช่วยให้ชั้นล่างยังคงเย็นสบาย แม้ในช่วงเดือนที่อากาศร้อนที่สุด
หลังคามีช่องแสงสกายไลท์ครึ่งวงกลม เปิดช่องให้บ้านรับแสงจากด้านบนก็จริง แต่ไม่ได้ทำให้ภายในรู้สึกร้อนจนอยู่อาศัยไม่สบาย เพราะจังหวะในการรับแสงไม่ได้ลงมายังพื้นที่ที่ใช้ชีวิตหลักอย่างตรงๆ และมีการจัดเบี่ยงเบนทางเดินของแสง รวมถึงวัสดุกระจกที่ใช้ก็สะท้อนความร้อนได้ดี ช่องทางนี้ยังทำให้คนในบ้านมองเห็นทิวทัศน์ท้องฟ้ายามเช้าและดวงดาวยามค่ำคืนที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง
สำหรับห้องนอนมีทั้งหมด 5 ห้อง ในห้องที่ตำแหน่งตรงกับฟาซาด จะออกแบบให้เป็นระบบผนังสองชั้น คือมีผนังช่องลมที่รับแสงและลมได้ในชั้นนอก ส่วนชั้นในจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งเหมาะสมจะช่วยปกป้องจากปัจจัยภายนอกในขณะที่ยังให้การไหลเวียนของอากาศที่เพียงพอ แสงแดดที่ส่องเข้ามา และให้ฝนเขตร้อนเข้ามาโดยที่ภายในห้องไม่เปียก