รีโนเวทบ้านเก่าให้สว่าง ไม่อับชื้น
แคบ มืด อับชื้น และทรุดโทรม นี่คือคำจำกัดความของบ้านตึกหรือทาวน์เฮาส์ริมถนนในไต้หวัน แน่นอนว่าแม้บ้านเก่าจะมีความทรงจำในวัยเด็กของผู้อยู่อาศัย แต่ถ้าสภาพภายนอกไม่สวยงาม ภายในไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิต ก็คงรู้สึกหดหู่ไปตามบรรยากาศของบ้าน ดังนั้นเจ้าของบ้านรุ่นลูกรุ่นหลายหลา คนที่ได้มรดกตกทอด จึงมักจะตัดสินใจรีโนเวทบ้านให้หน้าตาของบ้านดูดีขึ้น บ้านหลังนี้ก็เช่นกัน หลังจากรับช่วงต่อบ้านเก่าจากพ่อแม่ ก็ตัดสินใจปรับปรุงใหม่ให้เต็มไปด้วยความสดชื่น เหมือนบรรยากาศร้านกาแฟที่ชวนให้อยู่อย่างสุขใจ
ออกแบบ: Warm Interior Studio
เนื้อหา: บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
บ้านนี้มีอายุกว่า 50 ปี เมื่อสำรวจบ้านแล้ว พบว่าอาคารถูกขนาบทั้งสองด้านของบ้าน เป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้บ้านมืดและอับ ดังนั้นการเพิ่มพื้นที่เปิดด้านหน้าและด้านหลังจึงเป็นทางออกเดียวเท่านั้น ในกรณีนี้ ทีมงานจึงต้องสัดส่วนของการเปิดหน้าต่างเพิ่มขึ้น เริ่มจากการรื้อแผ่นเหล็กและหน้าต่างเหล็กดัด ที่นิยมใส่กันขโมยทุกบ้านออก ทำให้เกิดพื้นที่ว่างโปร่งโล่งหน้าบ้านสำหรับจอดรถมอเตอร์ไซค์ หรือนั่งเล่น ปลูกดอกไม้และต้นไม้ได้ ส่วนรั้วบ้านส่วนถูกลดระดับให้ต่ำลง บริเวณที่ตรงกับประตูเปลี่ยนมาใช้เหล็กเจาะรูพรุน เพื่อปรับปรุงการรับแสงธรรมชาติ ในขณะที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย
ภายในพื้นที่ 35 ตร.ม. (รวม 2 ชั้น) มี 3 ห้องนอน 2 ห้องนั่งเล่น 2 ห้องน้ำ สภาพบ้านเดิมไม่มีการออกแบบเป็นพิเศษ หน้าต่างติดผ้าม่านบังสายตา แต่ก็บังแสงไปพร้อมกันด้วย เมื่อปรับปรุงบ้านใหม่ จากโจทย์ที่คู่รักอยากให้เนรมิตบรรยากาศแบบโฮมคาเฟ่ ทีมงานจึงใส่ Mood&Tone ตามต้องการ ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ประตูจะต้อนรับด้วยโครงไม้ที่ตีเป็นกรอบกำหนดทางเข้าที่อบอุ่น มีเบย์วินโดว์บิลท์อยู่ตรงหน้าต่างให้นั่งเล่นและเก็บของได้เป็นระเบียบ ม่านหน้าต่างเปลี่ยนเป็นม่านม้วนทูโทนดิมเอ้าท์สีขาวที่ปรับความเป็นส่วนตัวได้ ทำให้เกิดมุมรับแสงแดดเพิ่มฉากต่างๆให้กับห้องนั่งเล่น
ลายไม้สีอ่อนๆ เพิ่มสัมผัสแห่งความอบอุ่นให้กับบ้าน เน้นความขาวของพื้นที่ส่วนกลางทำให้บ้านดูสะอาด แต่ส่วนพื้นจะแตกต่างจากความรู้สึกอบอุ่นของพื้นไม้ตรงที่กระเบื้องลายไม้ ซึ่งใช้ในการแก้ปัญหาความชื้นในบ้านเก่าได้ดีกว่าวัสดุอื่นๆ สำหรับสัดส่วนเฟอร์นิเจอร์แบบคงที่ ในพื้นที่สาธารณะลดลงอย่างมาก โดยมีเพียงพื้นที่วางทีวีแบบแขวนและผนังบิลท์อินเป็นหนังสือเท่านั้น เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับพื้นที่หลัก กำหนดจังหวะของชีวิตประจำวันและการเปิดกว้าง ครอบคลุมฟังก์ชันที่หลากหลาย ในพื้นที่เดียว อาทิ รับประทานอาหาร ชงชา นั่งเล่น อ่านหนังสือ หรือ work from home
เมื่อเดินข้ามห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารลึกเข้ามาด้านใน จะมีพื้นที่ว่างข้างบันไดที่ปรับรื้อตกแต่งใหม่ให้กลายเป็นพื้นที่ทำงาน ที่นี่พื้นที่ใต้บันไดเต็มไปด้วยช่องว่าง ซึ่งเมื่อก่อนเป็นจุดจัดเก็บสิ่งของต่างๆ ไปจนถึงแขวนเสื้อผ้า ทำให้เสียพื้นที่ไปแบบไม่มีประสิทธิภาพ ทีมงานจึงรื้อราวบันไดเดิมออก แล้วปรับใหม่เป็นแบบไม่มีราว เพื่อจะบิลท์ช่องเก็บของได้อีก แถมพื้นที่เก็บของใต้บันไดอีก 1 ห้อง นอกจากเจ้าของบ้านชอบความสงบและความอบอุ่นของไม้ ยังเลือกอุปกรณ์ตกแต่งที่มีพื้นผิวแบบอินดัสเทรียล เช่น เหล็ก ผนังทาสีดำ และโคมไฟระย้าซีเมนต์ เพื่อดึงบรรยากาศแบบเท่ๆ ออกมาด้วย
ครัวเดิมที่แคบมืด และค่อนข้างอันตราย เพราะแทบไม่มีช่องทางระบายอากาศเมื่อแก๊สรั่ว นอกจากปล่องดูดควัน ส่วนครัวใหม่หลังจากที่ถอดผนังเมทัลชีทออกจากห้องครัว ใส่ประตูกระจกฝ้า เหนือขึ้นไปใส่ผนังกระจกดึงแสงจากด้านบนเข้ามา เนื่องจากความสูงเดิมของบ้านหลังเก่าและโครงสร้างแบบเปิด จึงทำให้แสงไหลผ่านช่องเปิดประตูและหน้าต่างเพิ่มเติมได้อย่างอิสระ
บรรยากาศแบบอินดัสเทรียลแผ่ขยายไปจนถึงห้องครัว เห็นได้บานตู้ครัวพื้นผิวปูนซีเมนต์แบบเดียวกัน และอุปกรณ์มือจับ ก๊อกน้ำสีดำ ด้วยวิถีชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ที่ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านบ่อยๆ จึงไม่ต้องการพื้นที่จัดเก็บจึงไม่สูง ดังนั้นผนังจึงปูกระเบื้อง subway สีขาวแทนที่ตู้ด้านบน เพื่อช่วยเพิ่มความรู้สึกของพื้นที่
มาถึงส่วนของบันได ตรงจุดนี้ก็สำคัญเพราะบันไดตั้งอยู่กลางบ้านยังเป็นบริเวณที่มีแสงสว่างน้อยที่สุด บ้านเดิมเป็นแบบเล่นระดับ ทำให้ต้องเผชิญกับปัญหาความสูงและความลึกของขั้นบันไดที่แตกต่างกัน ผู้ออกแบบจึงปรับแต่งบันไดแต่ละขั้นอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่ามีการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นและปลอดภั แม้จะไม่มีราวจับ กลยุทธ์หนึ่งที่ใช้คือ มีจุดพักไม่ให้บันไดไม่สูงเกินไป และรื้อผนังทึบที่กั้นช่องบันไดทั้งสองข้างออก แล้วแทนที่ด้วยหน้าต่างกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน เพื่อขยายพื้นผิวรับแสง นอกจากนี้วัสดุเดิมยังถูกแทนที่ด้วยลูกนอนไม้ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและใส่ความรู้สึกอบอุ่นในบ้าน
บันไดที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมีส่วนเชื่อมต่อกับพื้นที่ว่าง จะไม่ใช่จุดสัญจรที่เปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วอีกต่อไป อาจจะแวะหยุดนั่งเล่นหรือกลายเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับการสนทนาของสมาชิกครอบครัวได้ด้วย
จำลองธรรมชาติมาไว้ที่นี่ ด้วยการตกแต่งเหมือนสวนเซนที่มีเพียงก้อนหิน (เบาะรองนั่ง) และต้นไม้วางเป็นจุด ๆ กลางลานโล่ง จากจุดนี้จะมีผนังกระจกที่เชื่อมต่อสายตามองลงไปยังครัวได้ ทำให้แต่ละชั้นไม่ขาดการปฏิสัมพันธ์
การออกแบบห้องนอนที่สองบนชั้นสอง ห้องที่หันหน้าไปทางห้องนอนใหญ่ จะเป็นห้องนอนที่สองซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญที่นำไปสู่ห้องน้ำและพื้นที่นั่งบนชั้นสอง เนื่องจากคนที่ใช้งานในบ้านนี้ส่วนใหญ่จะมีแต่เจ้าของบ้านชาย-หญิงสองคน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวมากนัก ดังนั้นทีมงานจึงจัดพื้นที่โล่งๆ ใส่กระจกใสสูงจากพื้นจรดเพดาน ให้แสงธรรมชาติจากอีกทิศหนึ่งลอดผ่านโถงบันไดมาสู่ห้องนอนใหญ่ได้ ถ้าญาติและเพื่อนมาเยี่ยมก็เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้เพียงดึงม่านลงมาเท่านั้น
ในห้องนอนใช้แสงโทนนวล ๆ ตกแต่งด้วยโทนสีขาวและไม้ที่เรียบง่าย เพื่อปรับแต่งบรรยากาศการนอนหลับสบาย ถึงแม้จะเป็นสีขาวแต่ก็ดูไม่จืดชืด เพราะมีโครงร่างสามมิติซ่อนอยู่ในรายละเอียดที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ตรงโครงเตียง โต๊ะข้างเตียง และแนวบานตู้
การออกแบบห้องน้ำ แยกส่วนแห้งและเปียกและใช้แพลตฟอร์มแบบเปิดใต้อ่างล้างมือ เพื่อถ่ายเทอากาศลดความกังวลเรื่องการกักเก็บความชื้นในห้องน้ำ สัดส่วนของสีขาวในห้องน้ำนั้นจะต่างจากรูปลักษณ์ที่สะอาดดูอบอุ่นของบ้านทั้งหลัง เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ในห้องน้ำหลังปรับปรุงจะเป็นสีเทาและสีดำ เพื่อสร้างความรู้สึกเรียบแต่หรูราวกับเป็นห้องน้ำโรงแรม
แปลนบ้าน
