
รีโนเวทบ้านเก่าให้ดูใหม่สไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์น
สำหรับใครที่ชอบดูซีรีส์ไต้หวันหรือเคยไปเยือน มักจะพบว่าตามซอกซอยจะมีทั้งอาคารเก่าที่เต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา ผสมอาคารยุคใหม่ที่เริ่มผุดขึ้นมาเรื่อยๆ อาคารเดิมทั่วไปในไต้หวันมักมีรั้วสแตนเลส แผ่นเหล็กขึ้นสนิม ลูกกรงประตูหน้าต่างที่ครอบคลุมเอาไว้เพื่อความปลอดภัยจากมิจฉาชีพ สร้างสภาพแวดล้อมที่ทรุดโทรมไม่น่าดู เจ้าของรุ่นใหม่ๆ จึงมักจะรีโนเวทให้บ้านดูสดใสและทันสมัยขึ้น เนื้อหานี้เรามีโปรเจ็ครีโนเวทบ้านอายุ 42 ปี ที่ดูเหมือนใหม่จนลืมไปเลยว่าของเดิมเคยหน้าตาเป็นอย่างไรมาให้ชมเป็นไอเดียกันครับ
ออกแบบ : House of Sunshine
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
เปรียบเทียบภาพก่อนและหลังรีโนเวท จะเห็นว่าดีไซน์ วัสดุ โทนสี และบรรยากาศต่างไปอย่างสิ้นเชิง
บ้านนี้เป็นส่วนผสมของการใช้ปูนเปลือยกับไม้ซีดาร์เผา หรือ SHOU SUGI BAN ที่มีลักษณะเป็นธรรมชาติและเรียบง่าย เหมือนจะบ่งบอกถึงจิตวิญญาณที่คล้ายคลึงกันกับเจ้าของ ซึ่งเป็นช่างฝีมือดินเหนียว แต่เขาไม่ต้องการสร้างบ้านที่มีกลิ่นอายงานของเขาตลอดทั้งหลัง ทั้งสองฝ่ายจึงพยายามหาดีไซน์ที่ขัดแย้งกันเล็กน้อย มีความดิบหยาบผสมอยู่บ้าง ในขณะที่ยังมีส่วนที่สื่อถึงดิน จึงเป็นที่มาของเลือกใช้ไม้ซีดาร์เผาคู่กับงานคอนกรีต ซึ่งไม่เพียงเป็นการนำประวัติชีวิตของเจ้าของบ้านมาไว้ในฉากบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมของทีมออกแบบด้วย
ผนังสีดำจากไม้ซีดาร์เผา ที่เกิดจากการถนอมได้วยไฟตามภูมิปัญญาของชาวอาทิตย์อุทัย เปิดสุนทรีย์แห่งชีวิตเติมเต็มความหลงใหลในวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นให้เห็นตั้งแต่หน้าบ้าน ไม่เพียงแค่สวย แต่ยังเพิ่มคุณสมบัติการป้องกันความชื้น ป้องกันการกัดกร่อน และป้องกันแมลงได้ตามธรรมชาติ แต่ก่อนจะใช้งานต้องทาชั้นสีป้องกันก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้คราบคาร์บอนสีดำเกาะติด
เพื่อเน้นโทนมืดให้ชัดขึ้น กำแพงทึบเดิมจึงถูกเปลี่ยนเป็นตาข่ายเหล็กสร้างแนวเขตแทน สวนดอกไม้เดิมถูกทิ้งร้างก็รื้อออกและเทพื้นใหม่ให้สูงขึ้น กลายเป็นโถงโล่งหน้าบ้าน ขจัดความรู้สึกอึดอัดจากรั้วเหล้กแบบเดิมๆ ส่วนระเบียงชั้น 2 เป็นผนังปูนขัดมัน จงใจวางมุมเฉียงแล้ววางกระถางต้นไม้สีเขียวเพื่อชะลอเวลาไว้หน้าประตูเล็กน้อยก่อนเปิดเข้าไป
ภายในก่อนทำการรีโนเวท เป็นทาวน์เฮาส์แยกห้องเป็นสัดส่วนที่ไม่ได้ตกแต่งหรือบิลท์อินเป็นพิเศษ มีเฟอร์นิเจอร์ง่ายๆ สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน ปูพื้นส่วนใหญ่ด้วยหินขัดสีดำ ผนังกรุกระเบื้องสีขาวในครัวและห้องน้ำ ซึ่งทั้งหมดก็ดูเก่าและทรุดโทรม
เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน จะรู้สึกอบอุ่นด้วย “สีวอลนัท สไตล์ญี่ปุ่น” โทนสีหลักภายในของบ้าน เหมือนกาแฟใส่นมที่ดูละมุนกว่าการใช้ไม้สีดำที่ดูมืด ทำให้บริบทภายในบ้านดูเข้มไป จึงถูกลดทอนเหลือเพียงสองสีที่แตกต่างกัน พื้นที่โดยรวมจึงทำจากไม้เนื้อแข็งและสีเทา เพื่อสร้างบรรยากาศบ้านญี่ปุ่นที่เงียบสงบ เป็นธรรมชาติและผ่อนคลาย กลับคืนสู่แก่นแท้ของการใช้ชีวิตแบบช้าๆ
พื้นที่ภายใน 36 ตร.ม. มี 2 ห้องนอน 2 ห้องนั่งเล่น 2 ห้องน้ำ จำนวนผู้อยู่อาศัย 2 คน และเจ้าสี่ขาตัวใหญ่ 1 ตัว แม้สมาชิกจะไม่มาก แต่ก็ต้องพิถีพิถันเรื่องการบริหารพื้นที่ เนื่องจากแต่ละชั้นมีพื้นที่เพียง 14 ตร.ม จึงสร้างทางเข้าเพียงทางเดียว แล้วสร้างตู้สีวอลนัทตื้นๆ ไว้ทางด้านขวา โดยเหลือพื้นที่ด้านบนวางสิ่งของชิ้นเล็กๆ และใช้เทคนิคทำมุมเคาน์เตอร์และคานด้านบนเป็นส่วนโค้ง ทำให้ความรู้ลดความรู้สึกเทอะทะลง
อีกด้านหนึ่งของตู้ไม้วอลนัทยาว 190 ซม. ที่ติดตั้งทีวีในห้องนั่งเล่น เป็นห้องครัวและทานข้าวคลุมโทนสีใกล้เคียงกัน แต่ปรับในรายละเอียดเล็กน้อย เพราะถ้าทั้งห้องปูด้วยไม้วอลนัทก็อาจจะทำให้ดูสั้นและแคบ เพื่อขจัดสีเข้มเกินไป จึงนำใช้สีขาวในบริเวณกว้าง ตู้ลายไม้ที่ติดผนังขนาดเล็กสีอ่อนๆ ไม่ดูทึบตัน อย่างไรก็ตาม ตู้ด้านล่างบานยังเป็นสีเข้มเพื่อรักษาโทนของห้อง และเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ครัว รวมถึงไอส์แลนด์สแตนเลสที่ดูแลง่าย ปลอดภัยสำหรับการทำอาหาร โดยดีไซน์เรียบหรูไม่เหมือนโต๊ะโรงอาหาร
สำหรับห้องนี้ เป็นห้องดื่มชาที่นำเสนอความเป็นญี่ปุ่นออกมาได้ชัดเจนที่สุดในบ้าน ด้วยงานไม้ที่ประณีตของบานประตูหน้าต่างไม้ มีที่จับไม้แบบไม่มีฮาร์ดแวร์ใดๆ ทำให้ห้องนี้กลายเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นเต็มรูปแบบได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทีมงานจงใจใช้พื้นผิวแนวตั้งและแนวนอนเผยให้เห็นที่จับเด่นออกมา พื้นปูเสื่อทาทามิ 5 ผืน เย็บริมด้วยตะเข็บสีเข้ม ทำให้เป็นฉากที่สวยงาม
พื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของจะถูกยกขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 โดยแบ่งเป็น ห้องนอนใหญ่ ห้องนั่งเล่น ห้องแต่งตัว และห้องน้ำหลัก ทันทีที่ก้าวขึ้นสู่ห้องนอนจะเห็นโต๊ะข้างเตียงสีเข้มเป็นมุมแรก และสายตาจะถูกดึงไปที่ท่อนไม้ตกแต่งเหนือหัวเตียงอยู่ด้านบน ซ่อนรายละเอียดด้วยเส้นสายที่เพรียวบางของไม้บนผนังสีอ่อนๆ ปลายเตียงบิลท์ตู้ติดผนังสีคอนกรีต ช่วยเสริมซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังดึงความรู้สึกของพื้นที่ออกมาด้วยวิธีที่เรียบง่ายและเรียบร้อย
ห้องนอนใหญ่ทั้งห้องบนชั้นสอง จะเป็นพื้นที่เปิดโล่งลึกยาวจากการรื้อผนังออกเปิดเชื่อมต่อให้ใหญ่ขึ้น นักออกแบบยังต้องการรักษาเจตนารมณ์ในการบูรณาการความทรงจำบ้านหลังเก่าในอาคารใหม่ ดังนั้นจึงทำการตัดคานและเสาเพื่อเผยโครงสร้างของบ้านเก่าเหนือห้องนั่งเล่นส่วนตัว ส่วนที่ถูกตัดออกจะหยาบๆ ในความเรียบร้อย ให้ความหลากหลายของอารมณ์ ทีมช่างจะเคลือบด้วยสีป้องกันอีกชั้น จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฝุ่นที่อาจตกลงมา
ระหว่างส่วนห้องนอน และ walk-in closet จะสร้างผนังเหมือนเป็นแผงที่ยื่นออกมา สามารถรองรับการแขวนทีวีได้โดยไม่ต้องก่อสร้างช่องปิดเหมือนบ้านเดิมๆ ทีมงานใช้วิธีหล่อผนังเหล็กลอยและปูด้วยอิฐก้อนใหญ่ ซึ่งมีขนาดสอดคล้องพอดีกับการปิดบังมุมโต๊ะเครื่องแป้งฝั่งตรงข้าม สร้างสื่อกลางที่สมบูรณ์แบบระหว่างทั้งสองส่วน
แปลนบ้าน