บ้านทรอปิคอลโมเดิร์น

โจทย์ในการสร้างบ้านของผู้คนแต่ละยุคต่างกันออกไปตามเหตุปัจจัย ในยุคแรก ๆ บ้านอาจมีวัตถุประสงค์เพื่อบังแดดคุ้มฝน ต่อมาก็เพิ่มความสวยงาม ใส่ฟังก์ชันตามที่ได้ใช้งานเป็นหลัก พร้อม ๆ กับออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพอากาศมากขึ้น ในยุคนี้บ้านในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากบ้านจะต้องมีดีไซน์ที่ดูดีบอกรสนิยมส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องตะหนักถึงคือบ้านที่มีการระบายความร้อนได้ดี การลดชื้น และยังต้องมีคุณสมบัติในการับมือเสียงรบกวนไปจนถึงหลีกหนีฝุ่นและควันพิษที่เป็นปัญหาใหญ่ขณะนี้ด้วย ซึ่งบ้านหลังนี้ในเวียดนามก็เป็นอกหนึ่งหลังที่เน้นนำเสนอความดิบของวัสดุและความสดชื่นของต้นไม้เขียวขจีให้ความรู้สึกใกล้ชิดและสะดวกสบายไปพร้อม ๆ กับการใส่ปราการกรองฝุ่นแบบธรรมชาติ

ออกแบบ : Hinz Studio
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

บ้านที่มีปราการธรรมชาติกรองฝุ่น

บ้านพื้นที่ใช้สอย 391 ตารางเมตรหลังนี้สร้างอยู่ในดานัง ประเทศเวียดนาม เป็นบ้านสามชั้นที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันตามวัตถุประสงค์การใช้งานของผู้อยู่อาศัย ตัวอาคารดีไซน์ให้เป็นแบบโมเดิร์นหลังคาคอนกรีตทรงจั่วองศาเฉียงไม่เท่ากัน ด้านหน้าติดถนนจึงต้องทำรั้วปิดพื้นที่ส่วนตัวออกจากสายตาผู้คนที่ผ่านไปมา ในขณะเดียวกันก็ยังมีช่องทางมองเห็นความเคลื่อนไหวของชุมชน สนามหน้าบ้านมีต้นไม้ใหญ่และทิวไม้ที่เรียงเป็นแถวต้อนรับ เหนือกันสาดเต็มไปด้วยพืชรากอากาศห้อยย้อยลงมาดูสดชื่น Casa A.N จึงเป็นเหมือนตรอกเล็ก ๆ ที่เงียบสงบเหมาะสำหรับการกลับมาหลังจากสูดดมฝุ่นของเมืองมาทั้งวัน

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

วัสดุหลากหลายร่วมสร้างความประทับใจ

จากหน้าบ้านที่แสดงออกถึงเส้นสายตรงไปตรงมาเฉียบคม ความหนักแน่นของคอนกรีต ถูกลดทอนความแข็งกระด้างผ่านหลาย ๆ องค์ประกอบไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ สนามหญ้า หรือผนังโค้ง ๆ ที่ตกแต่งด้วยแผ่นอิฐมี texture แบบพื้นถิ่น การผสมผสานอย่างชาญฉลาดระหว่างวัสดุธรรมชาติเข้ากับจังหวะของประตูกระจกทำให้โครงการมีเอกลักษณ์และน่าประทับใจ

Casa A.N มีสามชั้นแบ่งตามความต้องการใช้งานอย่างชัดเจน ชั้นแรกเป็นพื้นที่ใชงานร่วมกัน ประกอบด้วย ห้องนั่งเล่น ครัว ห้องทานอาหาร จัดวางพื้นที่เปิดโล่งต่อเนื่องจากจากพื้นปูนขัดมัน ทอดยาวเข้าไปจนถึงห้องนอนที่เปิดออกสู่สวนที่เงียบสงบด้านหลังบ้าน ชั้นสองประกอบด้วยห้องนอน 4 ห้อง มีเฉลียงที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ใช้งานทั่วไปและโถงส่วนกลาง ส่วนชั้น 3 เป็นห้องสวดมนต์พื้นที่ทางจิตวิญญาณแบบดั้งเดิมของครอบครัวชาวเวียดนาม

แสงสว่างมีอยู่ในทุกพื้นที่ของบ้าน

ด้วยลักษณะที่ดินที่มีความลึกซึ่งจะมีปัญหาเรื่องการรับแสงกลางอาคาร สถาปนิกจึงออกแบบในมุมมองแนวนอนบ้านแยกเป็นส่วน ๆ ดูเหมือนประกอบด้วย “บ้านหลังเล็ก 3 หลัง” พร้อมระบบหลังคาที่เป็นอิสระจากกัน ตัวบ้านที่อยู่ตรงกลางจะมีบทบาทในการเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างพื้นที่เข้าด้วยกัน ในขณะเดียวกันก็สร้างช่องว่างเอื้อให้เกิดการระบายอากาศเปิดรับลมธรรมชาติ จากชั้นล่างขึ้นบันไดก่อนเข้าสู่พื้นที่ห้องนอนเป็นพื้นที่โชว์แสงธรรมชาติที่สาดส่องลงมาจาก skylight แสงแดดตามธรรมชาติจะเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อย ๆ ในระหว่างวัน ช่วยให้บ้านมีชีวิตชีวาและอบอุ่น

โถงสูงโล่งมองเห็นคลื่นบนหลังคา

ในส่วนเหนือห้องทานอาหารเจาะเป็นโถงสูง เชื่อมต่อพื้นที่ในแนวตั้ง ทำให้มองเห็นพื้นที่ระหว่างชั้นได้ง่ายกว่าการสร้างอาคารหลายชั้นสมัยก่อนที่ถูกตัดขาดจากการสร้างเพดานปิดทึบ นอกจากการปฏิสัมพันธ์ที่ง่ายขึ้นแล้ว ยังมีผลต่อการสร้างความโปร่งโล่ง การระบายอากาศร้อนที่ดีขึ้นและการเปิดรับแสงให้บ้านสว่าง สำหรับวัสดุที่ใช้มีทั้งฝ้าคอนกรีต อิฐแดง หินเจียร และไม้ วัสดุเหล่านี้เป็นตัวช่วยให้พื้นที่ภายในเย็นสบายแม้ในวันที่อากาศร้อนที่สุดที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส

บ้านปกติหลังคาต้องมีฝ้าเรียบแต่ไม่ใช่กับที่นี่ เมื่อลองเงยหน้าขึ้นมองจะเห็นว่าหลังคาเป็นลูกคลื่น แทรกด้วยช่องแสงเป็นเส้นตรงยาวตรงกลางติดตั้งโคมไฟระย้าหลอดกลม ๆ ในช่วงกลางวันจะมีมิติของแสงเงาตกกระทบตามการเดินทางของแสง แต่ในช่วงค่ำจะเปลี่ยนบรรยากาศไปด้วยแสงไฟสวย ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

สงบเรียบง่ายคือหัวใจของบ้าน

ห้องนอนตกแต่งง่าย ๆ ด้วยโทนสีของไม้เข้ม ๆ คอนกรีตเรียบเย็นบนพื้นผนังสีขาว ทำให้เห็นความชัดเจนของวัสดุและเส้นสายเรขาคณิต เติมลูกเล่นชวนให้ประทับใจมากขึ้นด้วยการบิลท์ผนังด้านหนึ่งเป็นรูปทรงที่ล้อกับหลังคาบ้าน จัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นอ่านหนังสือและตู้เสื้อผ้าในจุดเดียว ข้างเตียงเป็นบันไดที่จะนำขึ้นไปสู่ชั้นใต้หลังคาได้

ห้องพระที่ดูสงบนิ่งแยกออกมาจากความวุ่นวายในชั้นล่าง เหมาะสำหรับการปลีกวิเวกมานั่งสวดมนต์ทำสมาธิก็จริง แต่จะไม่สะดวกสำหรับบ้านที่มีผู้สูงวัยปฏิบัติธรรมเป็นกิจวัตรเพราะจะเดินทางขึ้นลงลำบาก