บ้านผนังติดกันที่โปร่งสว่าง
บ้านแถว ทาวน์เฮาส์ หรือตึกแถว จะมีองค์ประกอบหนึ่งที่เหมือน ๆ กัน คือ การใช้ผนังร่วมกันกับหลังอื่นๆ ทั้งสองด้าน (ยกเว้นห้องหัวมุม) ทำให้ภายในบ้านมักจะมีปัญหาขาดแสง เพราะไม่สามารถใส่ช่องแสงด้านข้างได้ ความรู้สึกถูกจำกัดจากผนังสองด้าน และการหมุนเวียนอากาศภายใน บ้านหลังนี้ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของสิงคโปร์ก็ประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของสถาปนิกที่จะเข้ามาเปลี่ยนบ้านเดิมให้เข้าถึงแสงธรรมชาติ มีสายลมพัดผ่าน และสีเขียวขจีที่ห้อมล้อม ลบบรรยากาศเดิมๆ ไปอย่างสิ้นเชิง
ออกแบบ : Chalk Architects
ภาพถ่าย : Studio Zeros (Benny Loh)
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
The House of Wind เป็นโปรเจ็คบ้านสำหรับสมาชิก 4 คนในสิงคโปร์ เจ้าของที่ตัดสินใจปรับปรุงบ้านใหม่ทั้งหมด เพราะบ้านเดิมสร้างขึ้นตั้งแต่ 1957 มีเค้าโครงแบบธรรมดาที่มีมุมมืดและแคบ นอกจากนี้ยังตั้งอยู่บนพื้นที่ต่ำเสี่ยงต่อน้ำท่วมด้วย โจทย์หลัก ๆ ในการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ เจ้าของต้องการมีพื้นที่ใช้สอยในบ้านที่ให้ความรู้สึกโปร่งสบายและกว้างขวาง ปลูกต้นไม้ได้จำนวนมาก แม้ว่าจะมีบ้านข้างเคียงประกบอยู่สองด้านก็ตาม
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
จากข้อกำหนดที่ได้มา บ้านจึงถูกสร้างให้สูงขึ้นเหนือถนน เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ด้านหน้าของบ้านมีขนาดกว้างขวางมาก ทางเข้าบ้านปูด้วยหินแกรนิตและหินกรวด มีการจัดแท่นปลูกไว้ใกล้บันไดที่นำไปสู่ประตูหลัก ดีไซน์นี้ทั้งให้ความรู้สึกนุ่มนวล สบาย ตัวอาคารดีไซน์ใหม่สะท้อนถึงสถาปัตยกรรม Modern ที่ผสมผสานกับความเป็นธรรมชาติและสุนทรียศาสตร์ที่โปร่งสบายเข้าด้วยกัน
เจ้าของบ้านเป็นศิลปิน สามีเป็นนักเปียโนและภรรยาสอนเต้น เด็กๆ ก็ชอบเต้นด้วย จึงต้องการภายในที่โล่งกว้าง สามารถเคลื่อนไหวและปรับฟังก์ชันการทำงานได้ เป็นสเปซที่ไร้รอยต่อทั้งแนวนอนและแนวตั้ง เพื่อให้เชื่อมต่อกันได้ในทุกมิติทั้งพื้นที่และสายตา โซนแรกเมื่อเข้าบ้านเป็นพื้นที่อเนกประสงค์แบบเปิดโล่ง แทนที่จะเป็นห้องนั่งเล่นทั่วไป ภายในวางเปียโนและกระจกบานใหญ่ให้ฝึกซ้อม ในห้องได้รับแสงธรรมชาติส่องเข้ามาจากหน้าต่างที่จัดวางอย่างมีกลยุทธ์ พื้นผิวสีขาวดูสะอาด ทันสมัย ผสมผสานกับความอบอุ่นของเฟอร์นิเจอร์ไม้ได้ลงตัว
ติดกับห้องซ้อมจะเป็นพื้นที่ที่เจ้าของบ้านใช้เก็บของต่างๆ เช่น ล็อคเกอร์ เครื่องซักผ้า จักรยาน ระหว่างนั้นจะมีประตูบานเลื่อนกระจกใสเชื่อมต่อไปยังลานสวนในบ้าน ที่ตกแต่งด้วยกรวดธรรมชาติและหินแกรนิตปูพื้นเต็มลาน เพื่อสร้างทางเดินรอบต้นไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ และเชื่อมต่อกับบริเวณห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว เหนือส่วนนี้จะเป็นพื้นที่เปิดออกสู่ท้องฟ้ารับแสงและลมเข้าในบ้าน เพิ่มช่องทางรับแสงจากด้านบนทดแทนการขาดพื้นที่เปิดด้านข้างอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากห้องนี้จะใช้เป็นห้องพักสำหรับแขกแล้ว เจ้าของยังตั้งใจใช้ห้องนี้เป็นห้องนอนเมื่อเกษียณอายุ ในห้องนี้สถาปนิกใช้ประตูบานเลื่อนกระจกและหน้าต่างบานใหญ่เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนจากภายในสู่ภายนอกได้ชัดเจน หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็เลื่อนผ้าม่านปิดได้
ผนังตกแต่งฉากกรองแสงเป็นแผ่นไม้เหมือนครีบที่ปรับหมุนได้บนด้านหน้าอาคาร ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับให้เข้ากับระดับความสบายของตัวเอง เป็นหนึ่งโซลูชันที่เหมาะกับบ้านที่อยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนชื้น บันไดขึ้นชั้นสองเป็นแบบพับผ้าเปิดโล่งไม่มีลูกตั้ง ทำจากเหล็กสีขาวตัดดำและไม้ที่โชว์รอยหยักซิกแซกชวนให้สะดุดตา
ส่วนนี้เป็นเพดานลาดสูงชั้น 2 ทำให้เกิดเป็นอุโมงค์ลม เพิ่มประสิทธิภาพการกระจายความร้อน เหนือโถงยังมีช่องแสง skylight รับความสว่างเพิ่มความปลอดภัยโดยแทบไม่ต้องเปิดไฟช่วงกลางวัน
ชั้นสองถูกจัดให้สถานที่สำหรับครอบครัวใช้ร่วมกัน ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ดื่มกาแฟ นั่งเล่นพักผ่อน ทำกับข้าว รับประทานอาหาร หรือแม้แต่การทำสวน การทำให้ผังแบบเปิดโล่งให้ความรู้สึกมีอิสระทางสายตา และการไหลเวียนของพื้นที่อย่างราบรื่น เมื่อชงกาแฟดื่มชั้นล่างก็จะมีกลิ่นหอมฟุ้ง ขณะที่อยู่ทำอาหารก็อาจได้ยินเสียงเปียโนจากชั้นล่างแผ่กระจายไปทั่วทั้งบ้าน ให้ครอบครัวได้สุนทรีด้วยพลังแห่งดนตรีบำบัดที่อ่อนโยน และผูกพันกันผ่านพื้นที่ที่ออกแบบมาอย่างดี
ระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่อ่านหนังสือบนชั้นสอง จะมีช่องว่างและสกายไลท์แยกพื้นที่ภายในออกจากกัน ล้อมที่ว่างเอาไว้ด้วยบานหน้าต่างกระจก เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่นักออกแบบใช้กระจายแสงเข้าสู่ห้องต่างๆ และการมองเห็นกันได้ในแนวตั้งและแนวนอน ทำให้บ้านน่าสนุกขึ้นด้วย
ในส่วนของการตกแต่งเป็นไปในแบบโมเดิร์นมินิมอลที่มีกลิ่นอายสไตล์สแกนดิเนเวีย นำเสนอความเรียบง่าย น้อยชิ้น แต่มีฟังก์ชันการใช้งานที่ดีที่สุดและดูอ่อนโยนเป็นธรรมชาติ สถาปนิกใช้ผนังสีขาวผสมผสานกับแผ่นไม้อัดสีอ่อนบนชั้นสองและห้องใต้หลังคา เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ บางอย่าง เช่น เก้าอี้รับประทานอาหาร อาร์มแชร์ 2 ตัวในห้องครัว โคมไฟ โซฟาไม้บุผ้า โต๊ะไม้รูปทรงเรขาคณิต ล้วนแสดงให้เห็นสไตล์นี้อย่างชัดเจน
ห้องนั่งเล่นที่ยกขึ้นมาอยู่ที่ชั้นสองเปิดออกสู่ระเบียงกว้างขวาง เพิ่มความเป็นส่วนตัวจากระดับถนน อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นโครงหลังคาเหนือเฉลียงจอดรถด้านล่างอีกด้วย
ห้องนอนของคุณพ่อคุณแม่และห้องนอนของลูกสาวสองคนตั้งอยู่ในห้องใต้หลังคา ห้องนอนสำหรับเด็กได้รับการออกแบบอย่างเรียบง่าย แต่มีความอ่อนโยน น่ารัก จากการเลือกใช้วัสดุไม้ ผ้า สีขาว สีเทา เส้นสายโค้งๆ แทรกตัว เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของเด็กผู้หญิงที่กำลังจะเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
ห้องนอนหลักของพ่อแม่ก็ปรับปรุงใหม่ให้โปร่งสบายและสว่างสุดๆ ด้วยประตูกระจกบานใหญ่ หันปลายเตียงไปทางระเบียงที่เต็มไปด้วยแมกไม้เขียวขจี ต้นไม้เหล่านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่น เติมธรรมชาติให้ใกล้ชิดขึ้นแล้ว ยังทำหน้าที่ช่วยกรองแสงและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ห้องนอนด้วย
ระเบียงอพาร์ทเมนท์ได้รับการออกแบบกว้างขวาง แยกออกจากพื้นที่นั่งเล่นส่วนกลางด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อสร้างความรู้สึกไร้รอยต่อ ที่นี่เจ้าของบ้านปลูกต้นไม้หลายชนิดเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในการทำอาหารและตกแต่งพื้นที่ให้สวยงามยิ่งขึ้น ยามเช้าในวันที่อากาศสดใสภรรยาก็มักจะเปิดประตูรับลม รับวิว หรือออกไปเล่นโยคะท่ามกลางธรรมชาติอย่างมีความสุข
เจ้าของบ้านสามารถเพลิดเพลินกับพื้นที่สีเขียวส่วนตัวได้ทุกที่ ไม่ว่าจะห้องซ้อม ห้องนอน หรือแม้แต่ห้องอาบน้ำ ที่แหงนขึ้นไปชมท้องฟ้าขณะแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ ให้ความสุนทรีในทุกตารางเมตรของบ้าน