ตึกสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล

K house by Rear Studio เป็นโครงการบ้านที่ตั้งอยู่ในเมืองโฮจิมินที่มีผู้คนพลุกพล่านในเวียดนาม จากการสังเกตบ้านข้าง ๆ จะเห็นว่าลักษณะสถาปัตยกรรมจาต่างกันไปตามความชื่นชอบ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ชั้นล่างจะปิดทึบเพราะต้องการให้บ้านเป็นส่วนตัวจากถนนและเพิ่มความรู้สึกปลอดภัย อาคารสีเทาตรงกลางที่เป็นตัวเอกในเนื้อหานี้ก็เช่นเดียวกัน แต่แตกต่างที่ด้านหน้ายังมีช่องว่างให้รับรู้ความเป็นไปภายนอกได้ ส่วนภายในก็โดดเด่นจากการคั่นพื้นที่ด้วยแสงธรรมชาติ มีช่องว่าง ความเขียวขจีมากมาย ให้บรรยากาศที่เงียบสงบแบบที่เรานึกไม่ถึง

ออกแบบ : Rear Studio
ภาพถ่าย : Quang Dam
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

เคเฮาส์ เป็นโปรเจ็คการออกแบบก่อสร้างตึกแถวหลายชั้น มีพื้นที่ 204 ตร.ม. (หน้ากว้าง 4 x ลึก 17 ม.) ตั้งอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง Thu Duc HCMC ความท้าทายสำหรับทีมออกแบบ คือ นอกจากการจัดการพื้นที่ใช้สอยภายในแล้ว จะการรักษาความเป็นส่วนตัวได้อย่างไร โดยที่ยังคงสามารถสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับภายนอกได้

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

ทีมออกแบบทำความเข้าใจความต้องการของเจ้าของบ้านด้วยพื้นที่ใช้สอย เจ้าของอยากได้พื้นที่ที่เป็นส่วนตัวจากภายนอก แต่ยังสามารถโต้ตอบกับองค์ประกอบทางธรรมชาติได้ จึงมีส่วนหนึ่งของหน้าบ้านที่เป็นช่องเปิดคอนกรีตเป็นช่อง ๆ ที่ประตูรั้วและฟาซาดด้านหน้า เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะแปลกใจกับโครงสร้างเพดานทรงโดมที่เป็นจุดเด่นของอาคาร วัสดุที่ใช้ในการปรับปรุงภายในเป็นคอนกรีตดิบ ๆ เพื่อให้ได้บรรยากาศที่เงียบสงบและให้ความรู้สึกแข็งแกร่งในนั้น

ในบ้านมี 3 ชั้น ชั้นแรกเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับโถงโรงจอดรถที่เหมือนอุโมงค์คอนกรีต ห้องนั่งเล่นยกสูงจากระดับพื้นโรงรถเล็กน้อยเหมือนแท่นเวทีเท่ๆ ขยับเข้าไปจะเป็นส่วนของห้องครัวและห้องรับประทานอาหาร จัดวางกลางบันไดท้ายบ้านและใกล้ช่องรับแสง ในโซนเหล่านี้จะแวดล้อมไปด้วยต้นไม้สไตล์ทรอปิคอลชุ่มฉ่ำสดชื่น ดูไม่ออกเลยว่านี่คือบ้านในสวนหรือสวนในบ้าน

เพื่อความสอดคล้องกันในเชิงพื้นที่มากขึ้น สถาปนิกได้ใช้ช่องว่างที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สเปซเหล่านี้ทำหน้าที่ประสานพื้นที่การทำงานต่างๆ ของบ้านเข้าด้วยกัน ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง และให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาทุกระดับของบ้าน ในบรรยากาศกึ่งเอาท์ดอร์ที่ดึงความเป็นธรรมชาติของสวนสไตล์ทรอปิคอลเข้ามาใช้ โดยวางตำแหน่งให้กระจัดกระจายไปตามจุดทั้งชั้นล่างและชั้นบน ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาแม้จะนั่งอยู่ในตึกแถว

ห้องนอนและห้องส่วนกลางอยู่บนชั้น 2 และชั้น 3 โดยจะความพิเศษตรงที่พื้นที่ใช้สอยเหล่านี้จะแวดล้อมพื้นที่ว่างโถงสูง ที่เกิดจากการเจาะพื้นเพดานเดิมขึ้นไปในระนาบแนวตั้ง แล้วจัดสวนให้ต้นไม้เติบโตทะลุขึ้นไปสูงถึงชั้นบน จากนั้นทีมงานก็เลือกใช้วัสดุกระจกใสทำเป็นผนังห้องรอบๆ ทำให้บ้านดูโปร่ง และยังช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อของผู้ใช้ภายในกับองค์ประกอบทางธรรมชาติ สามารถมองเห็นกันได้หมดผ่านช่องทางนี้ เหนือจุดนี้มีสกายไลท์ทำหน้าที่ดึงแสงให้กระจายลงมาสู่ตัวบ้านให้บ้านสว่างไสว

หลังคาที่เปิดได้ทำให้เกิดโถงสูงเปิดออกสู่ท้องฟ้า open space รับแสงธรรมชาติ ลม และทิวทัศน์ท้องฟ้าเข้าสู่ภายใน ในบางช่วงที่ฝนตกภายในก็จะได้รับความชุ่มฉ่ำไปด้วย ซึ่งสถาปนิกออกแบบระบบหน้าต่างกระจกบานผลักกั้นน้ำฝนไม่ให้เข้าบ้าน และการจัดการระบายน้ำและการกันซึมอย่างดี เพื่อไม่ให้น้ำฝนไหลซึมขังที่จะก่อให้เกิดความเสียหายกับพื้นที่ภายในบ้านได้

บรรยากาศบ้านและสวนในยามค่ำหลังเปิดไฟส่องสว่าง ทำให้สวนเล็ก ๆ ตามบริเวณต่างๆ ในบ้านเหล่านี้กลายเป็นจุด Highlight ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการดึงธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านในแนวคิด inside out- outside in ช่วยเติมเต็มความสุนทรีในการอยู่อาศัยได้จริง