บ้านหลังคาเฉียงสูงสไตล์ร่วมสมัย

บ้านในแต่ละยุคจะมีเสน่ห์ความเป็นเอกลักษณ์ต่างกัน อย่างบ้านในยุคคุณพ่อคุณแม่ก็จะเริ่มมีลูกเล่นบล็อกช่องลม หลังคาจั่วมีครีบด้านหน้า หรือเพิงหมาแหงนแบบหลังสมัยใหม่ ที่บางหลังถูกปรับปรุงให้กลายเป็นโฮสเทลหรือสปาที่มีกลิ่นอายของยุคสมัย บ้านหลังนี้ก็เป็นหนึ่งในอาคารเก่าที่ได้รับการปรับเปลี่ยนบางสิ่งใหม่ให้ดูดี และคงความสวยแบบเดิมในบางจุดเอาไว้ซึ่งเป็นความคิดที่ดีในแง่ของการคงคุณค่าฝีมือและแนวความคิดของคนรุ่นก่อนเอาไว้ให้คิดถึง

ออกแบบ : Jost Architects
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

หลังจากที่ได้เห็นวิธีที่ทีมงานปรับปรุงและต่อเติมบ้านเพิงริมหาดของเพื่อนที่ Burrill Lake บนชายฝั่งทางใต้ของ NSW เจ้าของก็ได้ว่าจ้างให้สถาปนิกปรับปรุงบ้านบ้านที่สร้างตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970 ที่ Mollymook Beach ที่อยู่ใกล้เคียง ตัวบ้านตั้งอยู่บนพื้นที่ 680 ตร.ม. ภายในบ้านประกอบด้วยอาคารหลายส่วน แต่มีสิ่งที่เหมือน ๆ กันคือ ภายในบ้านนั้นมืด ห้องไม่มีการเชื่อมต่อกับสนามหลังบ้านที่กว้างขวางอย่างน่าเสียดาย

โถงประตูทางเข้าใส่ซุ้มไม้และเหล้กเส้นสีขาววางแพทเทิร์นเป็นเส้นซิกแซก ก็เพิ่มความสะดุดตาให้บ้านดูไม่ธรรมดาแล้ว 1 จุด

หลังปรับปรุงบ้านเรียบๆ ร่วมสมัยนี้ ตอบโจทย์ที่พวกเขาตั้งเอาไว้ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นต้องการบ้านที่ใช้งานได้ดีขึ้นสำหรับครอบครัว บ้านควรแสงธรรมชาติมากขึ้น ดูมีชีวิตชีวา และเชื่อมต่อภายในอย่างลื่นไหล มีความต่อเนื่องระหว่างในร่ม/กลางแจ้ง เพื่อพร้อมพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมที่ชอบ ในขณะที่ยังต้องการให้บ้านดูดีรักษาจิตวิญญาณของบ้านดั้งเดิมเอาไว้ ด้านหน้าจึงแก้ไขด้วยการคงโครงสร้างเดิมไว้ ซ่อมแซมส่วนที่เสียหายให้อยู่ในสภาพดี ทาสีใหม่ให้สะอาดตา

พื้นบ้านภายในยังคงอบอุ่นด้วยงานไม้เก่าอารมณ์ร่วมสมัยที่ถูกขัดทำใหม่ให้เงางาม แต่ผนังอิฐเก่าบางส่วนก็ถูกรื้อออกเพื่อรวมพื้นที่ใช้งาน public space เข้าด้วยกันเป็นโถงขนาดใหญ่ ใส่ฟังก์ชันนั่งเล่น ห้องทานอาหารและครัวเรียงต่อกันไปโดยไม่มีผนังแบ่งห้องเล็กห้องน้อยเป็นอุปสรรค ฝ้าเพดานแบบ lean-to ตีตามแนวหลังคาเฉียงสูง ทำให้บ้านรู้สึกถึงสเปซที่มากขึ้น อีกสิ่งที่เปลี่ยนบรรยากาศของบ้านคือผนังที่เปิดเชื่อมต่อกับชาน ระเบียง และสนามหญ้าถูกเปลี่ยนเป็นบานกระจกขนาดใหญ่ เพิ่มช่องแสงติดตายใต้หลังคา เปิดพื้นที่ที่รับแสงธรรมชาติลดความมืดเดิมๆ และทำให้บ้านระบายอากาศได้ดี เพียงเปิดประตูแล้วเดินไม่กี่ก้าวก็พร้อมจะออกไปใช้ชีวิตสนุก ๆ กลางแจ้งได้ทันที

หากเป็นบ้านอื่น ผนังอิฐเก่าที่คละสีดูตกยุคแสนเชยและทรุดโทรมแบบนี้คงถูกรื้อถอนไปทั้งหมด แต่ไม่ใช่กับที่นี่ เพราะสถาปนิกเลือกคงผนังอิฐเอาไว้ในบางจุด แล้วเสริมของใหม่เข้าไปให้ดูเข้ากัน เช่น งานไม้ธรรมชาติหลากสีในบริเวณเคาน์เตอร์ครัว และแต่งเติมเพิ่มด้วยกระเบื้อง subway ที่กลับดูเข้ากันได้กับผนังอิฐเก่าอย่างคาดไม่ถึง

การเชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่ไม่ได้ทำในระนาบแนวนอน ด้วยการเปิดสเปซภายในให้สัญจรง่ายอย่างไหลลื่นกับแปลนใหม่แบบ open plan หรือการเบลอขอบเขตระหว่างภายในและภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่ปฏิสัมพันธ์ในแนวตั้งด้วย อย่างที่เราเห็นว่าบ้านนี้หลังคามีลักษณะเฉียงสูง ทำให้สามารถแบ่งพื้นที่ใช้งานเป็นห้องชั้นลอย ห้องใต้หลังคา หรือชั้นสองก็ยังได้ จากเมื่อก่อนที่ผนังส่วนชั้นลอยจะปิดแยกตัดขาดออกจากกัน สถาปนิกจึงรื้อผนังก่อทึบออกเปลี่ยนเป็นกระจก ทำให้คนที่อยู่ระหว่างชั้นสามารถมองเห็นและพูดคุยกันได้

การมีสนามหญ้ากว้างๆ มีชาน ระเบียง สำหรับนั่งรับบรรยากาศเป็นโชคดีที่หาได้ไม่ง่าย แต่ถ้าตัวบ้านปิดทึบ มีเพียงหน้าต่างไม่กี่บานและประตูขนาดมาตรฐาน 80×200 ซม. กว่าจะเปิดออกมานั่งเล่นได้ก็ยาก ทำให้เจ้าของบ้านหลายคนเลือกที่จะเก็บตัวอยู่ในบ้านอย่างน่าเสียดาย การปรับเปลี่ยนวิธีการเข้าออกบ้านเป็นประตูบานเฟี้ยม ประตูบานเลื่อน ที่เก็บเข้าด้านข้างได้ เหมือนบ้านไม่มีผนัง จะลดข้อจำกัดของการใช้พื้นที่ลง ให้ทุกส่วนของบ้านใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ