บ้านโมเดิร์นทรอปิคอล

บ้าน The Springhill ตั้งอยู่บนไหล่เขาตอนบนของ Bandung ประเทศอินโดนีเซีย เป็นที่อยู่อาศัยซึ่งได้รับการออกแบบมาสำหรับพื้นที่ภูเขา ที่มีลมพัดเย็นสบายและสภาพอากาศแบบเขตร้อนชื้น แต่ไซต์นี้จะมีลักษณะเป็นเนินรูปร่างเหมือนขอเกี่ยวที่โค้งมน แปลงติดมุมถนนเล็ก ๆ และยังถูกบีบอยู่ระหว่างสองเพื่อนบ้านโดยรอบ นักออกแบบจึงต้องวางแผนให้เป็นบ้านพักตอบสนองทั้งโจทย์ของลักษณะที่ดิน การดีไซน์อาคารให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ และการใช้งานที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวคาดหวัง

ออกแบบ : Pranala Associates
ภาพถ่าย : KIE
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

หลังจากการใช้เวลาออกแบบและก่อสร้าง ผลงานก็สำเร็จออกมาเป็นอาคารคอนกรีตขนาด 462 ตารางเมตร ที่มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสเกือบสมมาตร รูปทรงกล่องเส้นสายคมชัด วัสดุให้ความรู้สึกมั่นคงและแข็งกระด้าง เมื่อเทียบกับไดนามิกของรั้วที่วางไว้ตามแนวโค้งของถนนและที่ดิน หลังคาแบนทำชายคายื่นออกมาขนาดใหญ่ที่วางไว้ด้านข้างยังช่วยเพิ่มความแกรนด์ให้กับภาพรวมของบ้านหลังนี้ แถมยังกันร้อนบังแสงบังฝนได้ดี หากมองไปที่รั้วบ้านก็จะพบว่าไม่ได้ใช้วัสดุหรือเส้นสายแข็งๆ อะไร เป็นรั้วคอนกรีตเตี้ยๆ ที่ปกคลุมด้วยความนุ่มนวลของธรรมชาติในรูปแบบของหญ้า alang-alang และต้นไม้ลำต้นเล็กใบโปร่งที่เรียงเป็นแถวช่วยขับเน้นรูปทรงที่โดดเด่นของบ้าน

ฟาซาดบ้านมีสองด้านที่มีวัสดุและสีต่างกัน ให้ความารู้สึกที่แตกต่างออกไป ทางฝั่งตะวันตกใช้คอนกรีตหล่อสำเร็จในที่สีเทาผสมสีน้ำตาลของไม้เล็กน้อยที่ปิดทับหน้า ช่วยเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติลดความดิบแข็งของคอนกรีต ส่วนด้านทิศเหนือใช้ผนังทาสีขาวเรียบง่ายชั้นบนเป็นหน้าต่างบานเกล็ดไม้อูลินที่เรียงต่อกันยาวตลอดทั้งผนัง

ผนังคอนกรีตในทิศตะวันตกจะมีมวลสองก้อนรวมกันเว้นช่องว่างแยกตรงกลาง ซึ่งจะเป็นทางเข้าหลัก เมื่อเราเข้าไปด้านใน ทางเข้าหลักอาจดูเล็กและแคบในตอนแรกแต่จะค่อยๆ เปิดกว้างขึ้น และเพิ่มความอลังการด้วยประตูไม้และโถงสูงหลายเมตร สถาปนิกย้ำแนวคิดที่ต้องการแสดงเนื้อแท้ของสีและวัสดุที่เหมือนธรรมชาติ ดังนั้นหน้าบ้านและในบ้านจึงใช้ชุดวัสดุและสีที่เรียบง่ายแบบเดียวกัน ไม่เพียงเพื่อความสบายตา แต่ยังคำนึงถึงบริบทของความสบายทางความร้อนของภูมิอากาศเขตร้อน และเพื่อความสะดวกในการบำรุงรักษาอีกด้วย อย่างผนังคอนกรีตหนาจะช่วยลดความร้อนจากทิศตะวันตก ซึ่งเป็นด้านที่ร้อนที่สุดของอาคาร

ในส่วนของภายในจะมีพื้นที่ต่างระดับ เสริมความน่าสนุกให้บ้านและใช้กระจกเป็นตัวช่วยในการแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนแต่ไม่ถูฏแยกขาดออกจากกัน สำหรับการตกแต่งภาในเฟอร์นิเจอร์จะมีน้อยชิ้นเท่าที่จำเป็น ใช้วัสดุไม้ ผ้าสีเทา พื้นบ้านบางส่วนและบันไดจะใช้งานไม้สีธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศของการอยู่อาศัยที่อบอุ่นผ่อนคลายและดูเป็นมิตรขึ้น เป็นความสมดุลที่เกิดจากการเลือกวัสดุและสีที่เรียบง่ายแต่ลงตัว

เมื่อเดินขึ้นสเต็ปบันไดพื้นที่ต่างระดับขึ้นมา จะเป็นส่วนของพื้นที่ใช้งานร่วมกันแบบสาธารณะ เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ห้องเดียวที่ประกอบด้วย 3 ฟังก์ชันหลัก ๆ คือ ครัวบิลท์อินตกแต่งไม้ ชุดโต๊ะทานข้าวไม้ขนาดหลายที่นั่ง โซฟานั่งเล่นพักผ่อนอยู่ในบริเวณเดียวกัน ห้องนี้มีประตูกระจกสไลด์เปิดได้กว้างสองด้าน จึงสามารถรับทั้งวิว ลม และแสงได้เต็มที่

ค่อยๆ เดินผ่านประตูกระจกก้าวลงมา จะถูฏต้อนรับด้วยสวนสีเขียวขจีของสนามหญ้าและสวน ที่วางอยู่ตรงช่องว่างระหว่างบล็อกคอนกรีต สร้างทิวทัศน์ที่ต่อเนื่องจากสวนภายนอก นอกจากนี้ยังให้อิสระในการมองเห็นจากพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหารหลักออกมาภายนอกในส่วนที่ติดกับถนน เมื่อเงยหน้าขึ้นไปจะเห็นฟาซาดบานไม้ ซึ่งเป็นระบบผนังสองชั้นในทิศตะวันออก ที่ไม่ใช่ติดตั้งไว้เพียงเพื่อความสบายในการระบายความร้อน แต่ยังมีไว้เพื่อการปกปิดบ้านแบบยืดหยุ่น คือ มีช่องว่างที่อนุญาตให้แสงและลมลอดผ่านเข้าไปในบ้านได้ และให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ภายในอีกด้วย

ห้องนอนใหญ่บนชั้นสองมีประตูกระจกที่เปิดมาเชื่อมต่อระเบียงขนาดเล็ก ที่ยื่นออกมาให้สามารถเห็นวิวสวนส่วนตัวภายในบ้าน นอกจากนี้เพื่อให้บ้านสมบูรณ์ขึ้น สถาปนิกได้ออกแบบบันไดเหล็กขนาดเล็กที่ถูกวางไว้ในสวนที่เชื่อมกับห้องนอนใหญ่ จากตรงนี้จะเดินเลยขึ้นไปยังสวนบนดาดฟ้าได้ ที่นั่นสมาชิกในบ้านสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของไหล่เขาและภูเขาบันดุงได้อย่างชัดเจน บ้าน Springhill จึงเป็นการผสมผสานของวิธีแก้ปัญหา การคิดใหม่เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติระหว่างสถานที่ ภูมิอากาศ วัตถุ และรูปแบบ แต่ท้ายที่สุดแล้ว บ้านต้องเป็นสถานที่ที่มอบความอุ่นใจสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ภายใน