บ้านอิฐโมเดิร์นทรอปิคอล

ริมหมู่บ้าน Aamri ใกล้กับแม่น้ำ Purna ห่างจากตัวเมืองสุรัต ของประเทศอินเดีย 40 กิโลเมตร เป็นสถานที่พักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ชื่อ The Weave House เจ้าของมีวิสัยทัศน์ที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการออกแบบบ้าน โดยต้องการบ้านที่ดูทันสมัยแต่แสดงออกถึงวิถีชีวิตแบบออร์แกนิกเป็นมิตรกับธรรมชาติ สถาปนิกจึงนำสิ่งนี้มาเป็นโจทย์หลักในการรังสรรค์พื้นที่ที่ออกแบบให้เปล่งประกายของความเงียบสงบในแบบ ZEN ท่ามกลางการโอบล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจี ที่มีการไหลเวียนของพลังงานดีๆ อย่างต่อเนื่อง

ออกแบบ : The BAD Studio
ภาพถ่าย : The Fishy Project, Noaidwin Studio
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

บ้านสร้างอยู่ในพื้นที่ทำฟาร์มรูปร่างเหมือนบูมเมอแรงขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้สถาปนิกเลือกวางตัวบ้านที่ด้านหน้าติดถนนทางเข้า เพราะมีพื้นที่ปลูกพืชประปรายที่ด้านหน้า จึงยังคงรักษาสวนผลไม้หนาแน่นที่ด้านหลังไว้ได้ ส่วนแนวคิดการออกแบบตัวอาคารเกิดจากการนำบล็อกสี่เหลี่ยมสองบล็อก มาวางเรียงขนานกัน แล้วจัดสรรสำหรับพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะ โดยอาคารหนึ่งหันไปที่สวนส่วนตัวด้านหน้าและอีกส่วนจัดมุมมองออกสู่สวนผลไม้ที่ด้านหลัง ระหว่างอาคารจะมีช่องว่างที่เป็นลานกลางทำหน้าที่เป็นจุดโฟกัสและแยกพื้นที่สาธารณะออกจากพื้นที่ส่วนตัว นอกจากนี้ ตัวบ้านยังยกสูงจากระดับพื้นดินเพื่อป้องกันน้ำขังที่อาจเกิดจากการตั้องอยู่บริเวณใกล้แม่น้ำด้วย

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภพาขยายใหญ่

จากความต้องการแรกของเจ้าของ ทำให้สถาปนิกเน้นสร้างการผสมผสานอย่างลงตัวของสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นและภูมิทัศน์ตามธรรมชาติ การวางผังเชิงพื้นที่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านแบบดั้งเดิมของอินเดีย แต่นำมาปรับปรุงให้ดูทันสมัยด้วยองค์ประกอบการออกแบบและวัสดุเพื่อสร้างบ้านที่ถักทอเข้ากับชุมชนในชนบท สถาปนิกยังพยายามที่จะนำไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมาแทรกเข้ากับการออกแบบ โดยดึงแรงบันดาลใจจากอาชีพการทอผ้าของเขามาใช้ในการออกแบบพื้นที่ ผ่านผนังอิฐที่สวยงาม

กำแพงอิฐเปลือยโดดเด่นด้วยลายอิฐนูนที่โดดเด่นและลวดลายข้าวหลามตัด ได้รับแรงบันดาลใจจากลายพิมพ์ Ikat (คล้ายลายทอผ้ามัดหมี่ของบ้านเรา) และผนังคอนกรีตดิบๆ ที่แสดงถึงการถักทอที่ละเอียดอ่อนคล้ายกับที่พบในผ้า ส่วนของพื้นประกอบด้วยหิน Kota บริเวณทางเข้ามีผนังอิฐเจาะรูลดหลั่นเป็นชั้นๆ ให้ความเป็นส่วนตัวแก่บ้านและสระว่ายน้ำ ทั้งยังเป็นฉากหลังที่สง่างามสำหรับพรรณไม้โดยรอบ ขับเน้นให้จุดนี้เป็นตัวชูโรงของการออกแบบ

ที่ว่างระหว่างอาคารจัดเป็นส่วนสไตล์ทรอปิคอลที่ชุมชื่นด้วยสีเขียวและน้ำ เป็นทิวทัศน์ที่สร้างขึ้นเพื่อมอบธรรมชาติที่ชิดใกล้บ้าน ให้ความสบายตา เย็น คลายร้อนในฤดูร้อน นอกจากนี้บ้านยังได้รับการออกแบบให้มีความยั่งยืนและพึ่งพาตนเองได้ โดยใช้พลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์แบบฝังและซ่อนอยู่บนหลังคา ในขณะที่มีการใช้บ่อซึมที่ขอบช่วยรักษาระดับน้ำใต้ดิน

ทางเข้าบ้านจะผ่านโถงทางเดินปิดขึ้นไปยังห้องโถงที่นำไปสู่ประตูหลัก ตัวบ้านแผ่ออกเป็นพื้นที่เดียวที่กว้างขวางด้วยแปลนแบบเปิด ส่วนของผนังเป็นบานกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน ทำช่องเปิดออกสู่คอร์ทที่กว้างขวางเปิดรับแสงธรรมชาติและการระบายอากาศ ซึ่งเปลี่ยนพลวัตของพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาเหมือนได้อยู่กลางป่า เป็นบ้านกลิ่นอายโมเดิร์นทรอปิคอลที่รับรู้ได้ถึงความสงบ สบาย

โซนต่างๆ ของบ้าน รวมถึงพื้นที่สำหรับครอบครัว ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และห้องนอน ล้วนเชื่อมต่อกับสวน ลานภายใน และเฉลียงหรือดาดฟ้า ส่งเสริมการเชื่อมต่อที่กลมกลืนระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอก และเพื่อเน้นให้เห็นถึงงานฝีมือและลบรายละเอียดส่วนเกิน พื้นที่แต่ละส่วนจึงได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบน้อยชิ้นในสเปซที่ยืดหยุ่น จัดวางโดยตัดกับผนังคอนกรีตสีเทาที่ดิบดูดิบแต่สวยงามตามธรรมชาติ

ผนังอิฐถูกนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ แล้วแต่ฟังก์ชันที่ใช้งานด้วยตามความเหมาะสม ในจุดที่ต้องการนำเสนอลูกเล่นของ Texture สร้างฉากหลังที่น่าสนใจ จะเป็นผนังอิฐก่อโชว์แนวแทรกด้วยก้อนอิฐนูนออกมาเป็นระยะ เหมือนประติมากรรมแบบนูนต่ำ บางส่วนที่ต้องการความโปร่งเบา ให้สามารถเชื่อมต่อมุมมองทางสายตาและอนุญาตให้แสงและลมลอดผ่านได้จะเป็นการก่อแบบเว้นช่องว่างทำเป็นผนังช่องลมแพทเทิร์นต่างๆ กัน

ตามแนวคิดที่ต้องการพื้นที่อยู่อาาศัยแบบออร์แกนิคส์นี้ ทำให้สถาปนิกเห็นว่าธรรมชาติควรมีส่วนร่วมกับบ้านได้ในทุกจุด จึงมีการสร้างคอร์ทขนาดเล็กมาใช้ในห้องน้ำ เหนือจุดที่จัดสวนจะเป็น skyight เพื่อรับแสงสว่างจากแสงแดด และรักษาบรรยากาศการเชื่อมต่อในร่มและกลางแจ้งไว้ ทุกครั้งที่เข้ามาใช้งานจึงเสมือนว่าได้อาบน้ำอยู่กลางแจ้ง