บ้านฟาซาดระแนงไม้

ในสมัยหนึ่งที่เรามองเข้าไปในหมู่บ้านจัดสรร จะรู้สึกว่าบ้านเหล่านั้นสวยงามน่าอยู่ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย และมีหน้าตาที่เหมือนกับทุกหลังจากแบบแปลนที่ออกแบบเอาไว้แล้วล่วงหน้า บางโครงการในช่วงหลัง ๆ ก็จะขยับขยายมีแบบให้เลือกได้ 3-4 แบบ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนก็เปลี่ยนตาม ดีไซน์และฟังก์ชันของบ้านที่ตายตัวไม่ยืดหยุ่นกลับไม่ตอบโจทย์การใช้งานและดูล้าสมัยไม่ถูกใจผู้เป็นเจ้าของ ทำให้หลายโครงการจัดสรรมีทางเลือกอื่น เช่น การขายที่ดินเปล่าให้สร้างบ้านตามชอบในโครงการ ทำให้ผู้บริโภคที่ชอบเฉพาะทำเลตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น

ออกแบบ : Archimontage
ภาพถ่าย : sofo graphy
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

บ้านใส่ฟังก์ชันโมเดิร์นที่ทำให้บ้านยืดหยุ่น

บ้านสองชั้นที่หุ้มเปลือกด้วยไม้ระแนงนี้ มีชื่อโครงการว่า “บางแคเฮาส์” ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรทางด้านตะวันตกของกรุงเทพฯ แน่นอนว่าถ้าคิดถึงบ้านจัดสรรต้องหน้าตาเหมือนกัน แต่หลังนี้สร้างให้ต่างออกไปอย่างโดดเด่นแต่ก็รู้สึกได้ถึงความเป็นมิตร ด้วยผนังภายนอกที่เป็นบานไม้ตีระแนงแนวตั้ง ช่วยปกปิดพื้นที่ชีวิตภายในและทำหน้าที่กั้นกรองแสงส่วนเกิน ส่วนในประกอบด้วยพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง เพื่อความหลากหลายของครอบครัวขนาดใหญ่ 3 เจเนอเรชัน ให้พร้อมที่จะเพิ่มสมาชิกในอนาคตหรือรองรับเวลามีญาติมาเยี่ยม

บนชั้น 2 เป็นระบบเปลือกบ้าน 2 ชั้น หรือ Double skin facade ที่จะติดตั้งฟาซาดด้านนอกสุดเป็นวัสดุลักษณะทึบสลับโปร่ง อย่างเช่น แผงไม้ระแนง แผ่นเหล็กฉลุลาย ตะแกรงเหล็กเจาะรูกลม จากนั้นจะเว้นช่องว่างเล็กน้อย แล้วจึงมีผนังอาคารชั้นในอีก 1 ชั้น ผนังที่สามารถผลักออกหรือเลื่อน ขยับไปมาได้ตามตำแหน่งที่ต้องการ เปิดรับแสงหรือปิดปกป้องตัวบ้านจากความร้อนแบบนี้ จึงมีความยืดหยุ่นในการใช้ตามสถานการณ์และสภาวะแวดล้อมมากกว่ายุคก่อนที่ก่อปิดทึบมีหน้าต่าง fix ตายตัว

ที่ว่างใจกลางบ้านจัดสวนให้สดชื่น

สเปซที่ว่างเปิดออกสู่ท้องฟ้าจัดเป็นคอร์ทยาร์ดด้านข้างใกล้ใจกลางบ้าน ลบภาพเกี่ยวกับบ้านเดิม ๆ ที่ต้องมีผนังและหลังคาคลุมพื้นที่ทั้งหมด ด้วยวิธีนี้จะทำให้มีช่องว่างระหว่างอาคารแบ่งแยกตัวบ้านออกเป็นสองส่วน โดยแต่ละส่วนยังคงมองเห็นแต่มีปฏิสัมพันธ์ได้ผ่านผนังกระจกที่อยู่ล้อมรอบ

ห้องนั่งเล่นรับแขกโถงสูงสดชื่นด้วยวิวสวน

เมื่อเข้ามาสู่ภายในบ้านจะพบว่า แต่ละส่วนมีการออกแบบโดยคำนึงถึงลักษณะการใช้งานที่สอดคล้องกับสมาชิกในบ้าน และใส่ระดับความเป็นส่วนตัวในระดับต่าง ๆ กัน อาทิ ทางเข้าหลักของบ้านที่จะมีอยู่สองจุด จุดแรกคือ ทางเข้าด้านหน้า ที่เข้ามาจากประตูห้องนั่งเล่นที่อยู่ต่อเนื่องกับโรงจอดรถและประตูรั้ว ล้อมรอบด้วยผนังกระจกที่มองเห็นสวนซึ่งอยู่ตรงกลางได้จากทุกด้าน เป็นจุดรับแขกที่ไม่รบกวนพื้นที่ส่วนตัว ในขณะที่ทางเข้าอีกทางจะผ่านอีกประตูหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปด้านหลังของคอร์ทยาร์ดเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวที่แยกออกไปไม่ต้องเดินลัดห้องรับแขก

เชื่อมต่อพื้นที่ทุกมิติ สื่อสารกันง่ายขึ้น

เหนือบริเวณมุมพักผ่อนและรับแขกเจาะเพดานโถงสูงแบบ Double space เน้นย้ำความรู้สึกพิเศษให้กับจุดนี้ นอกจากเพิ่มความสวยงามอลังการให้บ้านแล้ว ความสูงจากเพดานถึงพื้นที่มากขึ้นยังทำให้อากาศร้อนลอยตัวขึ้นสู่ที่สูงได้ดี เป็นการเชื่อมต่อพื้นที่ในแนวตั้งที่เพิ่มความใกลชิดในการติดต่อกันระหว่างชั้นได้ดีขึ้นด้วย การออกแบบภายในบ้านนี้จึงอีกหนึ่งตัวอย่างเน้นให้เห็นการเชื่อมโยงพื้นที่ในทุกมิติทั้งแนวนอนและแนวตั้ง เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลและเอื้อต่อการสื่อสารมากที่สุด

พื้นที่ชั้นหนึ่งรวมส่วนที่ต้องใช้งานรวมกันไว้ในบริเวณเดียว เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว ครัวที่จัดให้อยู่ด้านหลัง เพื่อไม่ให้กลิ่นและควันรบกวนเพื่อนบ้าน สำหรับห้องนอนของผู้สูงวัยก็จัดเอาไว้ในชั้นนี้ ด้วยเหตุผลเรื่องการใช้งานที่ง่าย ไม่ต้องเดินขึ้นลงให้เสี่ยงอุบัติเหตุ และยังใช้เวลาร่วมกับลูก ๆ หลาน ๆ ได้มากกว่า

พื้นที่ส่วนตัวชั้นบนที่มองเห็นสวน

ชั้นบนเป็นส่วนพักผ่อนส่วนตัว มีทั้งหมด 3 สามห้องนอนหลัก ห้องนอนจะวางตำแหน่งเรียงโอบล้อมคอร์ทที่เปิดโล่งอยู่ตรงลกางเป็นรูปตัว U ส่วนผนังที่เป็นกระจก ทำให้แต่ละห้องสามารถมองเห็นฝั่งตรงข้ามและสวนข้างล่างได้ ส่วนห้องสวดมนต์จะจัดวางอยู่ตรงกลางที่ออกแบบให้ขยับขึ้นเหนืออยู่ห้องอื่น ๆ ทั้งหมด ตามหลักความเชื่อของพุทธศาสนิกชนที่ต้องยกพระให้อยู่สูงเหนือศีรษะ