Home Office ของสถาปนิก
ปฏิเสธได้ยากว่าในบทบาทหน้าที่สถาปนิก ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรคสานฝันคนอยากมีบ้านให้สำเร็จตรงใจ บางครั้งก็ทำให้ถูกตั้งคำถามว่า “บ้านของสถาปนิกหน้าตาเป็นอย่างไร” พร้อมกับตั้งความคาดหวังเอาไว้ว่า รูปแบบบ้านและออฟฟิศต้องดีไซน์แหวกแนว เก๋ ใช้วัสดุแพง ๆ ที่แตกต่างออกไป ในความเป็นจริงแล้ว เราจะเห็นได้ว่าสถาปนิกจำนวนไม่น้อยที่สร้างความท้าทาย ในการนำสิ่งที่มีอยู่แล้วมาตีความหรือกำหนดคุณค่าใหม่ เหมือนเช่นสตูดิโอสถาปนิก 24/7 ที่ออกแบบออฟฟิศให้เป็นที่น่าจดจำ โดยไม่ได้มองที่มูลค่าของวัสดุ แต่ใส่ใจฟังก์ชันที่สามารถตอบโจทย์ได้ไม่ต่างจากของแพงคุณสมบัติเลิศ ผสมตัวตนสบาย ๆ ที่เข้ากันได้กับบริบทของเมืองเหนือ
ออกแบบ : 24/7 Home Studio
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
24/7 home studio office เป็นสตูดิโอสถาปนิกที่รับงานออกแบบบ้านในแถบจังหวัดภาคเหนือ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นในการทำ Home Office มาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สถาปนิกจึงต้องปรับเปลี่ยนมาทำงานแบบ work from home เป็นหลัก โดยตัดสินใจสร้างออฟฟิศในพื้นที่ที่มีอยู่แล้ว เนื่องจากตอบโจทย์มากกว่าการเช่าอาคาร เมื่อศึกษาลักษณะสัณฐานของพื้นที่ในจุดที่จะก่อสร้าง พบว่าเป็นเนินมีความลาดชันต่ำลงไปจากถนน จึงทำอาคารชั้นเดียวยกตัวอาคารสูงจากพื้น 4 เมตร เพื่อให้ตัวอาคารอยู่ในระดับเดียวกันกับถนน ทำให้เกิดพื้นที่ว่างข้างล่างเป็นใต้ถุนสำหรับทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ ด้านหน้าของสตูดิโอหันหน้าไปทางทิศใต้ที่รับแสงได้ค่อนข้างดี จึงดีไซน์ให้มีระเบียงมีหลังคาคลุมกันแดดยื่นออกไป 1.50 เมตร ช่วยลดผลกระทบจากแสงยามบ่าย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
แม้จะเป็นพื้นที่ทำงานที่ไม่ได้พักอาศัยทั้งวัน แต่ก็ยังต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับสภาพอากาศให้ใช้เวลาชั่วโมงทำงานได้สบายๆ เริ่มจากเลือกรูปแบบหลังคาทรงจั่ว เพราะหลังคาทรงจั่วทำให้มีการถ่ายเทอากาศภายในอาคารได้ดี ระบายน้ำฝนได้ง่าย ตอบโจทย์ในเรื่องของภูมิประเทศที่อยู่ในเขตร้อนชื้น และยังดูเข้าถึงง่าย วัสดุภายนอกหลัก ๆ ใช้ไม้เป็นตัวดำเนินเรื่องราว ผสมผสานกับการก่ออิฐฉาบเรียบ ตัดเส้นสายตาให้ดูคมชัดและทันสมัยด้วยประตูและกรอบหน้าต่างสีดำสนิท โทนสีที่เรียบง่ายไม่เด่นโดดออกมาบริบทแวดล้อมที่เป็นหุบเขา มีความเป็นธรรมชาติสูงและทำให้ออฟฟิศเป็นกันเองชวนให้เข้าไปพูดคุยติดต่องานแบบไม่เกร็ง
ระเบียงทางเข้าออฟฟิศที่ยื่นจากตัวอาคาร มีลมพัดผ่านเอื่อย ๆ เย็น ๆ ตลอดทั้งวัน แม้จุดนี้อาจมีแดดแรงช่วงบ่ายก็มีม่านมู่ลี่ไม้ช่วยบังแสงอีกแรงหนึ่ง สถาปนิกทำม้ามั่งไม้ง่ายๆ เอาไว้ทั้งสองด้าน พนักงานจึงมักใช้ที่นี่เป็นจุดนั่งเล่นรับลม ชมวิว พักสายตาจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์
การตกแต่งภายใน ยังคง Concept การใช้วัสดุง่ายๆ ที่หาได้ในท้องถิ่น จับมารวมกันเพื่อเน้นการใช้งานได้ดีเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการทำชั้นวางผลงานชิ้นตัวอย่าง โมเดล จากเหล็กกล่องธรรมดา ผสมไม้อัด พื้นอาคารเป็นปูนเปลือยขัดมันขัดมันที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อรอยขีดข่วน รองรับแรงเสียดสีได้ดี และดูแลทำความสะอาดง่าย
Working Zone มุมทำงานเลือกในจุดที่ติดหน้าต่าง เพื่อให้แสงสว่างจากธรรมชาติที่เพียงพอต่อการทำงาน และวางตำแหน่งช่องเปิดให้สามารถพักสายตามองออกไปชมสวนสีเขียวที่อยู่ด้านนอก นอกจากช่วยถนอมดวงตาของคนทำงานที่ต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาแล้ว และยังได้พักสมองให้ผ่อนคลายได้บ้าง ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคนที่ต้องทำงานคิดสร้างสรรค์ได้ดีกว่าห้องมือปิดทึบรอบด้าน
ประตูบานเลื่อนเปิดจากห้องทำงานเข้ามาเชื่อมต่อพื้นที่ส่วนรวม ซึ่งสามารถใช้งานเป็นห้องประชุมและทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้แบบอเนกประสงค์ เราจะเห็นว่าวัสดุที่ก่อผนังทำง่าย ๆ ด้วยการก่ออิฐบล็อโชว์แนวตลอดทั้งผนัง ซึ่งจะให้ความรู้สึกดิบ เท่ เห็นถึงผิวสัมผัสที่มีรูพรุนเล็ก ๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกกึ่งโมเดิร์นด้วยสีเทาอมขาว ตัดความรู้สึกกับผนังปูนขัดมันในอีกด้าน
ในส่วนห้องประชุมนี้จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับแสงแดดเต็มๆ ทั้งวัน ทำให้ภายในห้องร้อนมากกว่าโซนอื่นๆ สถาปนิกจึงเลือกทำเป็นผนังทึบไม่มีช่องเปิด และใช้เป็นห้องประชุม เพราะมีการใช้งานของห้องน้อยที่สุด ออฟฟิศนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการออกแบบและจัดการฟังก์ชันใช้งานที่ผ่านการพิจารณาบริบทแวดล้อม ทิศทางแสง ลม การเลือกวัสดุที่ไม่จำเป็นต้องแพง แต่ตอบได้ครบทุกโจทย์ที่คนทำงานต้องการ
