
เสน่ห์บ้านล้านนาประยุกต์
ถ้าเราพูดถึงเสน่ห์ของเชียงใหม่ คงไม่ได้มีเฉพาะบรรยากาศความเป็นธรรมชาติของป่าเขาและดงดอย แต่ยังมีวัฒนธรรม งานศิลป์ และสถาปัตยกรรมที่สรรค์สร้างด้วยมือของ “สล่า” หรือช่างพื้นบ้านฝีมือเยี่ยมที่ยังมีพื้นที่ยืนในสังคมคนเมือง แต่อาจถูกนำความเชี่ยวชาญนั้นมาปรับประยุกต์ในรูปแบบใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เหมือนเช่นบ้านนี้ใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โปรเจ็กต์นี้ใช้ชื่อว่า “บ้านดำ” ตามเฉดสีดำเข้มขรึมของตัวบ้าน ซึ่งเป็นคำที่ได้รับเลือกจากความเรียบง่ายสูงสุด ในขณะที่รายละเอียดเป็นการนำเสนอความเป็นไปได้ต่างๆ ในการสร้างบ้านที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของเวลา โอบรับจิตวิญญาณของเชียงใหม่ผสมผสานกับการใช้ชีวิตสมัยใหม่ให้ลงตัว
ออกแบบ : Housescape Design Lab
ภาพถ่าย : Rungkit Charoenwat
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
โจทย์เบื้องต้นจากเจ้าของบ้านคือขอที่อยู่อาศัยที่รวมรากและแก่นของท้องถิ่นเชียงใหม่เอาไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องมีความสอดคล้องกับการใช้ชีวิตร่วมสมัย และลดการใช้การนำเข้าจากภายนอกในการก่อสร้างให้น้อยที่สุด สถาปนิกจึงเลือกสร้างความแตกต่างจากการเลือกใช้วัสดุที่หาได้ในพื้นที่ สอดแทรกเทคนิค และฟังก์ชันใหม่ ๆ เข้าไป ให้ฝีมือของช่างให้ยังคงอยู่คู่กับบ้านปัจจุบันแล้วเดินไปสู่อนาคตอย่างสง่างาม
เค้าโครงทางสถาปัตยกรรม ตัวอาคารจะมีหลายส่วนวางกระจายเป็นรูปร่างตัว U แทรกด้วยลานหลากรูปแบบและหลายขนาดอยู่ตลอดโครงการ เริ่มจากบ้านหลังใหญ่ที่สุด จะมีลานขนาดใหญ่ทำหน้าที่พื้นที่กิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ อาทิ การตั้งแคมป์ก่อกองไฟในช่วงฤดูหนาว และกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ ส่วนที่สองเป็นสวนและทางเดินตรงทางเข้าบ้านที่จัดภูมิทัศน์เอาไว้อย่างสวยงามเหมือนสวนญี่ปุ่นที่มีต้นไม้หลากสีสัน หินก้อนใหญ่ กรวด และสระน้ำเล็ก ๆ
จุดเด่นภายนอกคือผนังสีดำบริเวณทางเข้าบ้าน ซึ่งสถาปนิกทำพื้นผิวผนังที่มี Textuer ไม่ได้ฉาบเรียบ กรรมวิธีนี้เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านเรียกในท้องถิ่นว่า “สลัดดอก” โดยอาจจะใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวจุ่มลงในน้ำปูนแล้วสลัดลงไปให้ทั่วพื้นผิว ให้ปูนฉาบสามารถเกาะกับผิวคอนกรีตได้มากขึ้น เพียงแต่บ้านนี้จะปล่อยไว้แบบนั้นไม่ได้ฉาบทับ
บ้านที่สร้างในพื้นที่ร้อนชื้นซึ่งมีทั้งแสงแดดจัดและฝนตกค่อนข้างชุก การออกแบบ้านให้มีองค์ประกอบสำหรับบังแดดมีความสำคัญ บ้านนี้จึงมีส่วนของชายคาที่ยื่นยาวออกมาคลุมด้านข้างและข้างหน้า เพื่อลดผลกระทบจากแดดและฝน อย่างไรก็ตาม การเลือกหลังคาสำหรับบ้านหลังนี้ จะแตกต่างจากแนวทางปฏิบัติในอดีต เนื่องจากทีมงานจำเป็นต้องใช้กระเบื้องสีดำ แต่กระเบื้องซีเมนต์ที่ผลิตในท้องถิ่นไม่สามารถสีดำได้ ดังนั้น ทีมงานจึงต้องทาสีกระเบื้องทีละแผ่น ๆ เป็นจำนวนกว่าสองหมื่นแผ่น โดยใช้เทคนิคที่ช่างฝีมือท้องถิ่นคุ้นเคย
บ้านหลังนี้ใช้พื้นที่รับประทานอาหารเพื่อรับแขก ตัวเลือกนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของเจ้าของที่จะแสดงตัวตน และใช้รสชาติรวมทั้งบรรยากาศในการเตรียมอาหารในการประสานความสัมพันธ์ พื้นที่เฉพาะนี้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นเสมือนจุดศูนย์กลางของบ้าน ทีมงานเลือกใช้วัสดุกระจกรอบด้าน เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก และเมื่อมองจากภายใน จะสามารถจับภาพมุมสำคัญส่วนใหญ่ของบ้านได้ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ภายในบ้านอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปิดช่องเปิดขนาดใหญ่ ครัวและห้องทานข้าวจะผสานเข้ากับพื้นที่กึ่งกลางแจ้งที่เรียกกันในท้องถิ่นว่า “เติ๋น” เหมือนเป็นพื้นที่เดียวกัน
สถาปนิกพยายามนำเสนอพื้นผิวที่หลากหลายบนผนังในบ้านหลังนี้ เช่น ผนังนอกบ้านแบบสลัดดอกสร้างพื้นผิวที่มีความไม่สม่ำเสมอ ผนังริมสวนที่เห็นเส้นตรงของแผงคอนกรีตเรียงเป็นแนว ภายในบ้านที่ผสมคอนกรีตกับแกลบแล้วฉาบปูนกึ่งเรียบโดยให้ความรู้สึกว่าพื้นผิวผนังเหล่านี้ได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมในชนบท ให้สัมผัสของการทำด้วยมือ แทนที่จะเป็นการผลิตเชิงอุตสาหกรรมทั้งหมด
ในอีกหนึ่งอาคารที่วางตั้งฉากกัน เป็นอาคารขนาดกะทัดรัดที่ใช้เป็นห้องนอน ซึ่งจะไม่มีประตูกั้นระหว่างห้องน้ำและห้องนอน จึงได้รับการออกแบบอย่างระมัดระวัง เพื่อให้เกิดการใช้งานที่ Flow อย่างราบรื่น แต่ใช้วิธีการเบี่ยงมุมมองเพื่อไม่ให้มองเห็นพื้นที่พักผ่อนข้างใน ส่วนห้องนอนหลักของบ้าน จะมีหน้าต่างบานเลื่อนทำจากไม้ในท้องถิ่น เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัวจึงใช้ช่องเปิดขนาดเล็ก แทนหน้าต่างบานใหญ่ที่จะพบได้มากกว่าในพื้นที่กึ่งสาธารณะ
ห้องน้ำแบบที่เป็นพื้นที่ในฝันของใครหลายๆ คน ด้วยการตกแต่งบรรยากาศธรรมชาติปูพื้นด้วยกรวดสีขาวตัดกับกระเบื้องสีดำ ประตูด้านหนึ่งเป็นกระจกมองเห็นสวนที่จัดเอาไว้ภายนอก สร้างความสุนทรีในทุกครั้งที่นอนแช่น้ำอุ่นๆ เพลินตัวเพลินใจไปกับธรรมชาติที่ห่อล้อม
บริเวณเฉลียงไม้พื้นสีดำสนิทขนาดใหญ่ที่เชิญชวนให้ออกมานั่งรับลม อ่านหนังสือ ทำกิจกรรมยามว่างที่ชื่นชอบ ซึ่งต่อเนื่องมาจากห้องครัวและห้องทานข้าวนี้เอง ที่มีแนวคิดมาจากการทำ “เติ๋น” ซึ่งเป็นพื้นที่กึ่งกลางแจ้งโล่งกว้างเปิดฝาผนังด้านข้างเรือน ปูเสื่อทอลายสีสดใสรูปทรงฟรีฟอร์มและหมอนขิดสามเหลี่ยม เป็นการถนอมร่องรอยของกาลเวลาและความงดงามจากอดีต นำมาปรับเป็นบ้านกลิ่นอายพื้นถิ่นที่ประยุกต์อย่างมีสไตล์
แปลนบ้าน