โฮมออฟฟิศสไตล์โมเดิร์น

“There’s no place like home” วลีนี้แปลได้ตรงตัวว่า ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้าน ทำให้นึกคำถามขึ้นมาว่า อะไรบ้างที่ทำให้บ้านไม่เหมือนสถานที่อื่น ๆ ซึ่งก็ได้คำตอบมามากมายแล้วแต่ใครจะให้คำนิยาม แต่ “บ้านไอเดีย” เชื่อว่าทุกคนคงรู้สึกวางใจในการปลดปล่อยตัวเองบนที่เป็นส่วนตัวที่เรียกได้ว่า บ้าน บรรยากาศของความรู้สึกอบอุ่น และบางครั้งก็กลายเป็นศูนย์รวมกิจกรรมของคนที่รัก ที่ทำให้ทุกพื้นที่มีความหมาย แล้วถ้าบ้านรวมเข้ากับที่ทำงานหล่ะ ความพิเศษของบ้านจะเปลี่ยนไปหรือไม่ เราจะยังเป็นตัวของตัวเองได้แบบที่ต้องการหรือเปล่า เมื่อมีคำถามเกิดขึ้นเราจะพาไปร่วมหาคำตอบกันในโปรเจ็ค Cofounder Studio ที่เป็นโฮมออฟฟิศหลังนี้ครับ

ออกแบบ : JAI Architect & Interior
ภาพถ่าย : Soopakorn Srisakul
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

ในยุคที่การใช้ชีวิตถูกปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์แบบ New Normal ทำให้คนทำงานรุ่นใหม่ ๆ นิยมเปิดสำนักงานในบ้านกันมากขึ้น คู่รักกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ COFOUNDER STUDIO ก็เช่นเดียวกัน ทั้งคู่ต้องการเริ่มต้นสร้างครอบครัวเล็ก ๆ จึงมองหาที่ดินที่ย่านรามคำแหง โดยโจทย์หลักอยากให้บ้านมีความเป็นส่วนตัวออกจากออฟฟิศ ในขณะที่สถานที่ทำงานให้บรรยากาศสบายเหมือนบ้าน ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเป็นบ้านปูนเปลือยหลังคาจั่วไร้ชายคาเส้นสายเรียบคมในสไตล์โมเดิร์นที่โดดเด่น ด้านหน้ามีหลังคาโรงรถขนาดใหญ่ มีประตูหน้าเล็กๆ ซ่อนไว้ทางด้านขวานำทางให้เดินไปยังพื้นที่ให้บริการ ซึ่งอยู่ด้านหลังรั้วคอนกรีตและสวนเล็กๆ ที่ให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

รูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย ใช้วัสดุที่สื่อสารอย่างตรงไปตรวมาตามความชอบและความต้องการของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นคอนกรีตโชว์ร่องรอยแม่แบบบนผนัง บล็อกช่องลม เหล็ก หรือบล็อกแก้ว เป็นพยายามที่จะนำสิ่งที่ดูธรรมดามาใช้ประโยชน์ให้ได้ทั้งความสวยงามและฟังก์ชัน อย่างเช่น ผนังบล็อกคอนกรีต ที่นอกจากจะทำให้บ้านดูมีมิติของรูปทรงเรขาคณิต แสง และเงาแล้ว ยังช่วยปกป้องบ้านจากแสงแดดในทิศทางที่ไม่ต้องหาร ให้เกิดประสิทธิภาพเชิงความร้อนที่ดีที่สุด

จากด้านหน้าจะเห็นหลังคากันสาดมุงวัสดุโปร่งแสงขนาดใหญ่แขวนอยู่ ช่วยนำทางแขกผู้มาเยือนจากโรงรถด้านหน้าไปยังโถงทางเข้ากึ่งกลางแจ้ง โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแสงแดดและฝน วัสดุหลังคาโปร่งแสงจะให้แสงสว่างตามธรรมชาติเพียงพอตลอดทั้งวัน ระแนงไม้ที่ด้านบนช่วยให้ระบายอากาศได้ดีในบ้าน แต่ยังช่วยป้องกันโถงทางเดินแบบ Double Volume จากฝน พื้นที่สำนักงานจะอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนทางด้านขวาจะเป็นทางเข้าสู่ย่านที่อยู่อาศัยผ่านพื้นที่ครัวแบบเปิดที่เป็นสเปซส่วนตัว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการสัญจรปะปนกัน

ในระหว่างพื้นที่ทำงานและแพนทรี่เชื่อมต่อ (และแยกพื้นที่) กันด้วยคอร์ทยาร์ด และมีประตูกระจกเปิดได้กว้างทำให้ทั้งบ้านมีทั้งแสงและลมธรรมชาติเข้ามาได้อย่างเพียงพอ

ส่วนห้องทำงานสะดุดตากับผนังบล็อกแก้วขนาดใหญ่ ที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่สำนักงานอย่างเพียงพอสำหรับการใช้งานในเวลากลางวัน พร้อมกันนี้ก็ทำหน้าที่ปิดบังทัศนียภาพจากบ้านข้างเคียงด้วย สร้างสมาธิและเป็นส่วนตัวได้อย่างดี หน้าต่างบานใหญ่วางอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี การออกแบบประตูบานเลื่อนเต็มความสูงช่วยให้สมาชิกในบ้านสามารถรเชื่อมต่อภาพซึ่งกันและกันผ่านกิจกรรมที่ต่างคนต่างทำจากพื้นที่ต่างๆ ได้ แม้จะอยู่คนละจุดก็ยังรู้สึกถึงความใกล้ชิด

ในพื้นที่ห้องครัวซึ่งทำหน้าที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางของครอบครัว ออกแบบให้มีสเปซโล่งกว้าง รอบด้านมีประตูบานเลื่อนเชื่อมต่อทั้งภาพและการใช้งานระหว่างภายนอก-ภายใน และในบ้านด้วยกันเอง ทำให้บ้านเต็มไปด้วยความโปร่งเบาและการใช้งานที่ยืดหยุ่น ข้างๆ ห้องครัวมีบันไดเวียนซึ่งเป็นทางเดียวที่จะเข้าถึงโซนส่วนตัวที่ชั้นบน

showcase galleryตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเชื่อมต่อกับพื้นที่สำนักงาน ซึ่งสามารถปรับเป็นห้องพักผ่อนสำหรับเจ้าของได้ ในส่วนนี้จะมีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่ช่วยสร้างความต่อเนื่องระหว่างพื้นที่ภายในและสวนภายนอก และยังนำความรู้สึกสงบมาสู่บ้านอีกด้วย ความเขียวขจีของสวนโดยรอบทำให้มองเห็นสภาพแวดล้อมที่สดชื่น ช่วยเพิ่มความอ่อนโยนลดทอนความแข็งกระด้างของวัสดุดิบ ๆ แข็ง ๆ เติมเต็มความมีชีวิตชีวาระหว่างธรรมชาติ พื้นที่ สถาปัตยกรรม และผู้อยู่อาศัยให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว

เมือ่ตามบันไดขึ้นไปชั้นสองจะเห็นว่าบ้านแบ่งออกเป็นสองปีก ห้องนอนใหญ่จะตั้งอยู่ด้านหลังที่มีความเป็นส่วนตัวสูง สามารถเข้าถึงได้โดยเดินผ่านทางเดินเล็ก ๆ ที่มองเห็นโถงทางเข้า ผนังบล็อกแก้วทางด้านขวาของทางเดินทำหน้าที่รับแสงธรรมชาติผ่านไปยังตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินแคบ ๆ ที่ปีกด้านหน้ามีห้องเอนกประสงค์สำหรับเก็บอุปกรณ์ จักรยาน สเกตบอร์ด และสิ่งของสำหรับงานอดิเรกและกิจกรรมต่างๆ เหนือโถงบันไดมีหน้าต่างบานชัตเตอร์ไม้บานใหญ่ เพื่อการระบายอากาศตามธรรมชาติได้ง่ายเพิ่มสภาวะสบายในบ้าน ไม้ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นตรงกันข้ามกับการใช้วัสดุหนักๆ และเพิ่มสีสันให้บ้านได้อีกทาง