ปรับปรุงบ้าน ใส่ฟาซาดโปร่งรับแสงและลม
ถ้ารู้สึกว่าบ้านที่อยู่มานานแล้วดูซ้ำกับบ้านข้างเคียงหรือตกยุคสมัยไปแล้ว ฟังก์ชันใช้งานก็ไม่ตอบโจทย์ แล้วอยากปรับปรุงใหม่ การรีโนเวทก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่นิยมมาก อย่างโครงการปรับปรุงบ้านในฮานอยนี่ก็เช่นกัน นอกจากมุ่งเน้นไปที่การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆ ที่แตกต่างแล้ว ยังปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัย ที่ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวสำหรับคนสามรุ่น นอกจากนี้ยังมีภูมิทัศน์สวนอันเงียบสงบเป็นธรรมชาติได้แม้อยู่ในเมือง โดยไม่ลืมออกแบบทิศทางแสง ลม ที่สดอคล้องกับอากาศเมืองร้อนด้วย
ออกแบบ: Farming Architects
ภาพถ่าย: Thai Thach, Viet Dung An
เนื้อหา: บ้านไอเดีย
สถาปัตยกรรมเดิมของบ้านในโครงการนี้เป็นสไตล์นีโอคลาสสิกที่เต็มไปด้วยรายละเอียดของคิ้วบัว เสาโรมัน และส่วนหน้าก็เหมือนๆ กัน โจทย์ของเจ้าของบ้านคือการการเปลี่ยนพื้นที่อยู่อาศัยตามปกติให้เป็นมีเอกลักษณ์แตกต่าง ลดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นเพื่อให้บ้านดูโมเดิร์นขึ้น บ้านต้องเปิดรับสายลมและแสงแดดได้พอดี ทีมงานจึงออกแบบโซลูชันการปรับปรุงสำหรับ Farming Home Ver2 นี้อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เหมาะกับความต้องการใช้งานของครอบครัวและสภาพอากาศในภูมิภาค ขณะเดียวกันก็ใช้วัสดุในท้องถิ่นเพื่อสร้างลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น
บ้านเดิม 3 ชั้นขนาด 150 ตร.ม. ทีมงานงานยังคงรักษาโครงสร้างบ้านที่มีอยู่ แต่รื้อส่วนจั่วบนสุดออกทำเป็นสวนบนดาดฟ้า เมื่อมองจากส่วนหน้าของบ้านจะเห็นว่าชั้นล่างถึงชั้น3 เป็นทรงกล่องเรียบๆ ก่อด้วยอิฐธรรมดาดูปิด ส่วนของอาคารที่อยู่ด้านหลังมีฟาซาดเป็นรูพรุนให้ความรู้สึกถึงการปกป้องและการห่อหุ้มโดยชั้นของผนัง นอกจากนี้ยังปรับพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมโดยการสร้างพื้นที่กันชน โดยใช้พื้นที่สวนสร้างการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการใช้ชีวิตในร่มและกลางแจ้ง สมาชิกครอบครัวก็สามารถใช้พื้นที่นี้ร่วมกันได้
โซลูชันประการที่สอง เพื่อรับมือกับอุณหภูมิฤดูร้อน ที่ร้อนระอุตามแบบฉบับของฮานอยทางตอนเหนือ กลยุทธ์ที่สองจึงแก้ไขด้วยการใช้ระบบระบายอากาศ 2 ชั้น ใส่ฟาซาดเป็นเปลือกนอกหุ้มโครงสร้างเก่าของอาคาร เพื่อลดการแผ่รังสีความร้อนจากแสงอาทิตย์ รวมถึงพาความเย็นเพื่อควบคุมการไหลของอากาศอย่างมีประสิทธิภาพจากล่างขึ้นบน จุดมุ่งหมายคือการสร้างสภาพแวดล้อมภายในอาคารให้มีสภาวะสบาย พร้อมทั้งปรับให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศที่ท้าทายในแต่ละช่วงของปี นอกจากนี้ยังช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวให้บ้านได้ด้วย
ผนังช่องลมเหมือนมีตาข่ายโปร่งๆ นี้ ทำจากแผ่นหินสร้างเป็นกำแพงสูง 8.4 เมตร ล้อมรอบบ้านชั้นบน หินธรรมชาติสีขาวจะถูกตัดในขนาด 15x15x7 ซม. ทั้งหมดใช้จำนวน 6,500 ก้อน ประกอบโดยติดขอบด้วยกาว 2 ส่วน เสริมด้วยแผ่นโลหะผสมสแตนเลสกันขึ้นสนิม ต่อกันทีละแผ่นๆ ความประณีตนี้ทำให้ผนังช่องลมที่เห็นสามารถเรียกได้ว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมหรือวิจิตรศิลป์ได้เลย
เจ้าของบ้านใช้ชั้นบนสุดเป็นพื้นที่ทางจิตวิญญาณ โดยมีกรอบประตูไม้ทรงกลมที่ผนังด้านใน ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่น่าสนใจกับสี่เหลี่ยมทั้งด้านนอกและด้านบน เมื่อมองดูในภาพรวมของอาคาร จะค่อยๆ เห็นถึงปรัชญาที่ซ่อนอยู่ในความแตกต่างในส่วนประกอบต่างๆ ของบ้าน ตั้งแต่รูปทรงหยินและหยาง แสงสว่างและความมืด สัญลักษณ์สี่เหลี่ยมจัตุรัสและทรงกลม จากภายในสู่ภายนอก ด้วยการจัดวางแบบนี้ ตัวบ้านจึงดูเปล่งประกายของความสมดุล สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งปรัชญาแห่งอัตตาของแต่ละคน
ระหว่างชั้นจะมีบันไดแบบพับผ้าที่โชว์ให้เห็นรอยหยักใต้ท้องบันไดดูมีมิติ ความน่าสนใจอีกจุดอยู่ที่ราวบันไดแผ่นเหล็กตันสีดำหนา 8 มม. ที่ตัดด้วยเลเซอร์สร้างแถวของสี่เหลี่ยมเล็กๆ มีลายตารางหมากรุกด้วย ดูล้อไปกับผนังแถวสี่เหลี่ยมด้านนอกมาก ราวบันไดสีดำที่ตัดกับผนังสีขาว ทำให้เกิด contrast ที่ตัดกันอย่างลงตัว
บนผนังฟาซาดที่มีรูพรุนช่องว่างสลับทึบ จะมีสิ่งที่ตามมาคือ ควัน เสียงรบกวน ฝุ่นละออง ฝนสาด และสัตว์ต่างๆ ที่จะเล็ดลอดเข้ามารบกวนพื้นที่ใช้ชีวิตได้ ดังนั้นทีมงานจึงป้องกันปัญหาเหล่านี้ด้วยการสร้างระบบผนังแบบ 2 ชั้น ผนังภายนอกเป็นฟาซาดโปร่งๆ จากนั้นคั่นด้วยพื้นที่ว่างสำหรับสัญจร แล้วจึงเป็นผนังชั้นที่ 2 ซึ่งเป็นประตูกระจกสามารถเลือกเปิดหรือปิดได้ตามสถานการณ์ วิธีนี้ทำให้เกิดพื้นที่กันชนที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง ผลพลอยได้ที่ตามมาคือ แสงเงาตกกระทบในบ้านที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องทุกชั่วโมง ทำให้บ้านน่าสนุกโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม
แปลนบ้าน