Facade ธรรมชาติ
รีโนเวทอาคาร เติมทุกพื้นที่ให้มีสีเขียวในบ้าน
การแต่งตัวให้บ้านทำได้หลายวิธี วิธีหนึ่งที่นิยมทำกันมากคือ การใส่ Facade หรือเปลือกห่อหุ้มตัวบ้าน ที่ใช้วัสดุได้หลากหลายตั้งแต่มุ้งลวด อิฐช่องลม ไม้ ไปจนถึงเหล็ก ฟาซาดช่วยสร้างลูกเล่นและองค์ประกอบดูแปลกตาให้กับบ้านหรืออาคารเมื่อแสงลอดส่อง และช่วยกรองแสงไม่ให้เข้ามาภายในอาคารได้ด้วย ในประเทศเวียดนามอาคารบ้านช่องสมัยใหม่มักจะออกแบบให้มีฟาซาดที่ว่านี้เช่นกัน แต่ที่เราสะดุดตาคือที่นี่รีโนเวทอาคารแล้วใช้โครงเหล็กหุ้มแล้วปล่อยให้ต้นไม้เลื้อยเป็นเปลือกให้บ้าน ที่ทำหน้าที่กันฝุ่นกรองควันจากยานพาหนะที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกรุงฮานอย และยังเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชนอีกด้วย นับเป็นแนวคิดในการทำอาคารสีเขียวที่คาดไม่ถึงจริง ๆ
ออกแบบ :Vo Trong Nghia
เรียบเรียง : บ้านไอเดีย
เวียดนามก็เป็นประเทศหนึ่งที่ประสบปัญหาเรื่องการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเมือง ทำให้พื้นที่สีเขียวในเมืองเริ่มหายากขึ้นเรื่อย ๆ ในฮานอยยังอุดมไปด้วยฝุ่นควันจากยวดยานพาหานะ ทำให้บ้านที่อยู่ติดถนนได้รับผลกระทบเรื่องมลภาวะทางอากาศและทางเสียงอย่างมาก โครงการรีโนเวทตึกแถวติดถนนที่เรียกว่า Greenfall renovation จึงเกิดขึ้น เพื่อเป็นอาคารนำร่องในการเติมพื้นที่สีเขียว สร้างบรรยากาศบ้านที่น่าอยู่สบาย ไม่ใช่เพื่อผู้อยู่หรืออาคารเท่านั้น แต่เพื่อเพื่อนบ้านและชุมชนโดยรวมด้วย
อาคารที่ถูกปรับปรุงแต่งโฉมหน้าตาเสียใหม่นี้ ตั้งอยู่หัวมุมติดกับถนนกลางเมืองฮานอย อายุอานามของตึกร่วม 15 ปี ต้องฝ่าทั้งแดด ฝน ลม และความชื้นทำให้ดูทรุดโทรม เต็มไปด้วยคราบราไม่น่าดู ระเบียงที่ยื่นออกมานอกตัวอาคารติดถนน ดูไม่เป็นส่วนตัวทำให้เจ้าของไม่ค่อยใช้จนกลายเป็นพื้นที่เปล่าประโยชน์ไป สถาปนิกจึงเข้ามาแก้ไขบริเวณส่วนหน้านี้ด้วยการ ใช้เหล็กเส้นตีเป็นระแนงครอบทับด้านหน้าตัวอาคาร เป็นม่านเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้คนอยู่ภายใน ส่วนชั้นล่างภายนอกของอาคารตกแต่งประตูหน้าต่างใหม่ให้ดูโมเดิร์นและปลอดภัยขึ้น
ฟาซาดทำจากเหล็กตีเป็นซี่โปร่ง ๆ ให้อาคารสามารถระบายอากาศได้ ถึงจะทำหน้าที่เป็นม่านกั้นบังความเป็นส่วนตัวให้อาคารได้แล้ว แต่ปัญหาเรื่องแสงที่เข้าสู่อาคารและฝุ่นควันจากรถยังไม่หมดไป สถาปนิกจึงเพิ่มไอเดียการปลูกต้นไม้ให้เลื้อยไปตามซึ่ Facade ให้ใบไม้เขียว ๆ ช่วยกรองแสง ซึมซับอากาศเสียและเพิ่มอากาศดี ๆ ให้ตัวอาคาร ชื่อของโครงการนี้ถูกเรียกว่า Greenfall เพื่อให้เข้ากับลักษณะของอาคารที่ด้านหน้ามีต้นไม้เลื้อยเป็นสายลงมามองดูคล้ายสายน้ำตกนั่นเอง
เมื่อก้าวเข้าสู่ตัวบ้าน เราจะเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงจากภาพก่อน-หลังการรีโนเวทที่แตกต่างกันอย่างมาก จากเดิมที่บ้านดูทึบ มืด ดูอึดอัด เพราะถูกบีบด้วยกำแพงทั้งสองด้าน และไม่มีช่องทางให้แสงจากธรรมชาติส่องเข้ามา ใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานแสง ซ้ำยังปิดทึบบริเวณช่องว่างระหว่างเสาทำให้ห้องยิ่งแคบมากขึ้น เพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้สถาปนิกจึงเริ่มจากการรื้อบันไดคอนกรีตขนาดใหญ่ แล้วแทนที่ด้วยบันไดเหล็กที่ดูเพรียวบาง ทุบผนังระหว่างเสาออกให้เห็นพื้นที่โล่งกว้าง ติดสกายไลท์ให้ห้องดูสว่าง เจาะช่องแสงและช่องลมเพิ่มเพื่อให้แสงและอากาศถ่ายเทได้ดี ผนังบ้านกรุด้วยหินสีอ่อน ๆ เพิ่มการสะท้อนและกระจายแสง พร้อม ๆ กับให้ Texture ที่สวยงามให้กับตัวบ้าน เข้ากันได้ดีกับพื้นไม้และงานไม้ที่ตกแต่งบริเวณเพดาน
บรรยากาศโดยรอบสัมผัสได้ถึงความโปร่งสว่าง โล่งสบาย ไม่ถูกปิดกั้นด้วยกำแพงทำให้การสัญจรในบ้านทำได้สะดวก ใช้งานพื้นที่ได้ง่ายขึ้น บริเวณชั้นหนึ่งซึ่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน ครัว และส่วนทานอาหารถูกยกพื้นขึ้นจากระดับถนนเล็กน้อย เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องการสะสมความชื้น การหมุนเวียนอากาศในบ้าน ซึ่งบ้านในฮานอยมักจะประสบกับปัญหานี้ในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล
เติมความสดชื่นเข้าสู่ภายในอาคาร เพิ่มพื้นที่สบายให้กับบ้านด้วยการทำสวนในบ้านบริเวณข้างบ้าน ผนังที่ถูกเจาะออกและช่องสกายไลท์ช่วยให้แสงธรรมชาติสามารถส่องลอดเข้ามาได้มากขึ้น
ห้องนอนปลอดภัยด้วยฟาซาดเหล็กที่ทำหน้าที่เป็นเหล็กดัดกั้นตัวบ้าน และยังช่วยพรางตัวเองจากสายตาของเพื่อนบ้าน ในขณะเดียวกันช่องหน้าต่างประตูที่เปิดกว้างได้สะดวกขึ้นก็ช่วยให้ห้องซึมซับความสดชื่นจากใบไม้สีเขียวที่เลื้อยคลุมโครงเหล็กที่ไต่ขึ้นมาจนถึงบริเวณห้องนอน
แม้แต่ดาดฟ้าไม่ยอมปล่อยให้ว่าง ที่นี่สร้างสวนบนดาดฟ้า rooftop Garden ที่ช่วยลดความร้อนจากหลังคาเข้าสู่ตัวบ้าน เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับปลูกต้นไม้ ผัก ผลไม้เอาไว้ทานเอง ที่สามารถทำได้แม้จะอยู่บนอาคารสูงที่มีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ดินสำหรับทำสวน เจ้าของโปรเจ็คหวังว่าอาคารหลังนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ทุกตารางเมตรของบ้านแชร์มุมสีเขียว แบ่งปันอากาศสดชื่นและสุขภาพที่ดีให้ผู้อยู่และชุมชนโดยรอบ
แปลนบ้าน
