เมนู

Home Barista 6 ทริคจัดบ้าน ให้บรรยากาศเหมือนร้านกาแฟ

จัดบ้านให้เหมือนร้านกาแฟ

แต่งบ้านสไตล์คาเฟ่ เป็นบาริสต้าด้วยตนเอง

ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ชื่นชอบการนั่งชิลล์ นั่งทำงานที่ร้านกาแฟ อาจเป็นเพราะหลงรักในกลิ่นหอมกรุ่น รสชาติขมที่ละมุนจากเมล็ดกาแฟ หรือหลงใหลในบรรยากาศของร้านที่ชวนให้ผ่อนคลาย จนทำให้ใครหลายคนอยากหอบเอาอารมณ์แบบนี้กลับบ้านไปด้วย เนื้อหานี้ “บ้านไอเดีย” ชวนผู้อ่านมาถอดรหัสบรรยากาศร้านกาแฟ เพื่อนำมาประยุกต์ร่วมกับการตกแต่งบ้าน เสมือนยกคาเฟ่แบบที่ชอบมาเก็บไว้ในพื้นที่ส่วนตัว โดยเฉพาะยุคที่หลายคนยังต้อง Work From Home หากไม่อยากเสี่ยงสัมผัส เลือกมุมหนึ่งมุมใดของบ้านมาเป็นร้านกาแฟส่วนตัวกันครับ

สนับสนุนโดยNESCAFÉ® Genio S Plus

ตกแต่งบ้านอารมณ์กาแฟ

ออกแบบ : ALTS-Design

1.เลือกสไตล์ที่ชื่นชอบ

สไตล์ในการตกแต่งเป็นสิ่งแรกที่ต้องรู้ก่อน เพราะสไตล์จะเป็นสิ่งกำกับได้ชัดเจนว่า เราสามารถนำวัสดุใด โทนสีแบบไหนมาใช้ร่วมกันได้บ้าง บางคนชอบความเท่แบบ industrial loft , บ้างก็ชอบหวาน ๆ แบบวินเทจ แต่หากยังไม่รู้จะเลือกสไตล์ไหน บ้านไอเดียแนะนำสไตล์ที่กำลังได้รับความนิยมในยุคปัจจุบันซึ่งจะสามารถประยุกต์ตกแต่งร่วมกับบ้านพักอาศัยได้ไม่ยากนัก อาทิ นอร์ดิก, มินิมอล และ มูจิ ทั้ง 3 สไตล์นี้มีรูปแบบการตกแต่งที่เรียบง่าย ให้บรรยากาศอบอุ่นจึงเข้ากับบ้านได้ดีเลยครับ อย่างไรก็ตามเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นสไตล์ที่ชื่นชอบอย่างแท้จริง ก่อนลงมือตกแต่งแนะนำให้ตระเวนหาร้านกาแฟเก๋ ๆ แล้วลองสัมผัสร้านจริงดูว่า เราชอบสไตล์ใด

อีกจุดที่ขาดไม่ได้และนำมาใช้บ่อยในร้านกาแฟ คือ การโชว์ผิววัสดุให้เห็นถึงสัจจะวัสดุเดิม เช่น งานไม้ งานเหล็ก คอนกรีต หินขัด จะช่วยให้ภาพรวมดูน่าหลงใหล ชวนให้มองมากยิ่งขึ้น

มุมกาแฟในบ้าน

ออกแบบ : Brave New Eco

2.หามุมน่านั่งในบ้าน

หากใครไปนั่งร้านกาแฟบ่อย ๆ จะสังเกตได้ว่า คาเฟ่ยุคใหม่ไม่ได้มีข้อจำกัดของพื้นที่เลย จะพื้นที่เล็ก พื้นที่ใหญ่ ภายในหรือภายนอกก็สามารถจัดมุมให้น่านั่งได้ทั้งหมด แต่ไม่ว่ามุมไหน ๆ ก็มักจะมีจุดเหมือนกันคือ เป็นพื้นที่โปร่งสบาย มองเห็นสวนภายนอก หรืออาจมีของตกแต่งใด ๆ ที่ชวนให้มองเห็นอย่างเพลิดเพลินใจ แต่หากนำมาประยุกต์ภายในบ้านและให้จัดง่าย ไม่ซับซ้อน แนะนำให้ใช้ห้องนั่งเล่นเดิมที่มีอยู่ได้เลยครับ ยิ่งหากบ้านไหนวางผังบ้านแบบ Open Plan โดยมีห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับโต๊ะทานอาหารและครัวเบา ยิ่งจัดบรรยากาศเป็นคาเฟ่ได้ไม่ยากเลยครับ หรือหากใครชอบพื้นที่ภายนอกแบบธรรมชาติ แนะนำให้หามุมทางทิศเหนือของบ้าน เป็นโซนที่หลบแดด นั่งเล่นได้ตลอดทั้งวัน

cafe at home

ออกแบบ : Big Sense Design

3.ปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ให้มีความยืดหยุ่น ไม่ตายตัว

สังเกตได้ว่าในร้านกาแฟมักมีโต๊ะขนาดใหญ่ที่สามารถนั่งใช้งานในอย่างยืดหยุ่น จะนั่งดื่มกาแฟ อ่านหนังสือ หรือนำแลปท็อปมาวางนั่งทำงานก็สะดวก วิธีการเลือกซื้อโต๊ะให้เน้นดีไซน์ที่เรียบง่าย ไม่เอนเอียงไปทางโต๊ะทานอาหารมากเกินไป อาจเป็นโต๊ะไม้สีน้ำตาลอ่อนพร้อมเก้าอี้นั่งที่ดูทันสมัย หรือหากมีมุมผนัง มุมกระจกที่น่าสนใจ อาจเลือกใช้โต๊ะเคาน์เตอร์วางตามแนวยาวพร้อมด้วยเก้าอี้บาร์ และที่ขาดไม่ได้เลยคือเคาน์เตอร์ครัวเบาไว้สำหรับเตรียมกาแฟ ก็จะทำให้บ้านมีบรรยากาศเหมือนร้านกาแฟมากขึ้นครับ

ออกแบบ : Neogenesis + Studi0261

4.จัดพื้นที่ธรรมชาติ

การเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายในคาเฟ่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้ ทำได้โดยการจัดสวนเล็ก ๆ บนพื้นดินหรือหากยุ่งยากเกินไป ไม่มีพื้นที่ให้ปลูก การจัดสวนในกระถางภายในบ้านก็ทดแทนได้เช่นเดียวกันครับ อาจนำแคคตัสฟอร์มสวย ๆ น่ารัก ๆ มาวางไว้บนโต๊ะ ขอบริมหน้าต่าง หรือจะปลูกไม้เลื้อยให้ห้อยระย้าลงมาจากกระถางบนมุมสูงของห้อง ก็ยิ่งสร้างบรรยากาศให้เหมือนร้านกาแฟชัดขึ้น ขณะเดียวกันยังรักษาความมีชีวิตชีวาให้กับบ้านพักอาศัยได้ดีด้วย

ออกแบบ : Dan Gayfer

5.เสียงเพิ่มบรรยากาศ

ลองนึกภาพเมื่อเข้าไปร้านกาแฟ สิ่งที่จะรู้สึกว่าคาเฟ่ต่างจากบ้านคือ “เสียง” บ้านมักจะใช้ชีวิตแบบเงียบ ๆ แต่ร้านกาแฟจะมีเสียงเพลงที่เปิดคลอตลอดเวลา ลองหันมาใช้ลำโพงแบบบลูทูธวางไว้ในจุดที่ต้องการ โดยลำโพงจะต้องไม่ใกล้กับจุดนั่งมากเกินไป พร้อมกับเลือกเปิดเสียงเพลงแนวผ่อนคลาย อาจจะเป็นเพลงบรรเลงเปียโน,เพลงคลาสสิค เพลงแจ๊ส , บอสซาโนวาหรือแล้วแต่ความชอบ และให้เปิดในระดับเสียงเบา ๆ ลอย ๆ ไม่ดังเกินไปเพราะจะทำลายสมาธิระหว่างนั่งทำงานหรือหนวกหูจนเสียความสุนทรีได้

แต่งบ้านเหมือนคาเฟ่

6.กลิ่นที่อบอวลจากกาแฟสดแท้ ๆ

5 ข้อที่ผ่านมาเป็นการเติมแต่งองค์ประกอบทางตาและหู หัวข้อนี้เป็นองค์ประกอบสุดท้ายที่จะขาดไปไม่ได้ หากต้องการตกแต่งบ้านให้เหมือนคาเฟ่ นั่นก็คือ กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟ ซึ่งกลิ่นจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีกระบวนการคั่ว บดและชง อาจมองหาเครื่องชงกาแฟมาติดบ้านไว้สักเครื่อง ที่นิยมใช้กัน เช่น เครื่องชงกาแฟดริป, หม้อต้มกาแฟสด Moka Pot แต่หากไม่ต้องการความยุ่งยาก แนะนำเลือกเครื่องชงกาแฟชนิดแคปซูลที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เลือกได้หลายเมนูโดยไม่จำเป็นต้องเตรียมส่วนผสมให้ยุ่งยาก ไม่ต้องจำสูตรให้ซับซ้อน แถมยังได้รสชาติแบบกาแฟสดแท้ ๆ เสมือนมีบาริสต้ามาชงให้ถึงที่บ้าน อย่าง NESCAFÉ® Genio S Plus

NESCAFÉ® Genio S Plus-04

สนุกกับการเป็น Home Barista ด้วย NESCAFÉ® Genio S Plus 

NESCAFÉ® Genio S Plus เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ทำงานให้อัตโนมัติจนกระทั่งได้หยดกาแฟออกมาสู่แก้ว โดดเด่นด้วยดีไซน์ทันสมัย ขนาดเล็กกะทัดรัด ใช้งานง่าย สะดวก ไม่ซับซ้อน ควบคุมเครื่องด้วยระบบ LED Control Ring เพียงสอดกาแฟแคปซูลเข้าเครื่องและเลือกฟังก์ชันที่ต้องการ จากนั้นก็นั่งรอเพียงไม่กี่นาที ก็จะได้กาแฟที่มีฟองละเอียดนุ่มนวล (เครมา) เพราะใช้แรงดันน้ำสูง 15 บาร์จากหัวฉีดภายในเครื่อง สามารถปรับระดับความเข้มของกาแฟ เลือกอุณหภูมิน้ำ จึงชงได้ทั้งเมนูร้อน เมนูเย็น ทั้งยังมีฟังก์ชัน XL เอาใจคนชอบดื่มแก้วใหญ่อีกด้วยครับ

NESCAFÉ® Genio S Plus-01

ภายในแคปซูลผนึกความสดใหม่ของกาแฟแท้คั่วบดไว้ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ แถมยังมีรสชาติหลากหลาย เลือกได้ตามความชอบ ทั้งเอสเพรสโซ่, คาปูชิโน่, ลาเต้, แมคคิอาโต้ หรือช็อคโกแลต เพียงกดปุ่มก็สามารถสนุกกับการเป็นบาริสต้าได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

NESCAFÉ® Genio S Plus-03

ผู้อ่านท่านใดสนใจอยากเป็นบาริสต้าที่ชงกาแฟอร่อยในทุกแก้ว สามารถซื้อเครื่องชงกาแฟแคปซูล NESCAFÉ® Genio S Plus ได้ในราคา 4,990 บาท โดยมีให้เลือกสองสีด้วยกัน คือ สีดำและสีแดง แต่หากสั่งซื้อเครื่องชงกาแฟ Genio S Plus พร้อมแคปซูล STARBUCKS หรือ NESCAFÉ Dolce Gusto รสชาติใดก็ได้ 6 กล่อง จ่ายเพียง 4,690 บาท ประหยัดกว่าเดิม แถมได้แคปซูลไปชงอีกด้วย โปรโมชันนี้มีถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เท่านั้นนะครับ ซื้อให้ตัวเองหรือจะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้คอกาแฟก็เหมาะเช่นกัน

เลือกซื้อเครื่องชงกาแฟได้ที่ : Nescafe Dolce Gusto

คุณคิดเห็นอย่างไรกับบทความนี้ ?

Advertorial

ดูทั้งหมด

โพสต์ล่าสุดในหมวด Advertise


โพสต์ล่าสุด