
บ้านโมเดิร์นสีขาว
พื้นที่ชีวิตบางครั้งก็ไม่ต้องการความซับซ้อน สิ่งที่เรียบและง่ายที่สุดอาจจะนำมาซึ่งความรู้สึกผ่อนคลายที่บ้านสื่อสารออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา House Between the Wall เป็นหนึ่งในงานสถาปัตยกรรมที่นำเสนอความรู้สึกแบบนี้ได้ในแว็บแรกที่เห็น แนวคิดของบ้านมาพร้อมกับข้อจำกัดของบริบทของไซต์ที่รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวข้างถนน ด้านหน้าของบ้านจึงดูโดดเด่นและหนาหนักในรูปแบบกล่องสีขาวเรียบง่าย เพื่อป้องกันการมองเห็นรอบ ๆ บริเวณนี้ แต่ในทางกลับกันภายในกลับโปร่ง สว่าง สดชื่น และผ่อนคลาย ในท่ามกลางปราการที่โอบล้อมความเป็นส่วนตัวเอาไว้
ออกแบบ : AA+A Architect
ภาพถ่าย : VARP STUDIO
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
แม้ว่าตัวบ้านจะดูค่อนข้างปิดและหนาหนัก แต่เมื่อมองจากภายนอกเข้ามาจะเห็นว่าบ้านยังมีช่องเปิดเป็นระยะ และรายล้อมด้วยความเขียวขจีในทุกช่องว่างของบ้าน เพื่อให้เข้ากับช่วงเวลาแห่งการอยู่อาศัยได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติแบบไม่ขาดตอน
หลังจากก้าวเท้าเข้ามาในบ้านแล้ว จะพบกับประตูบานหมุนไม้ขนาดใหญ่ ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งประตูและผนังแบ่งพื้นที่เปิด-ปิดอย่างยืดหยุ่น พื้นที่ภายในถูกต้อนรับการมาด้วยพื้นที่สีขาวทั้งหมด ให้ความรู้สึกสงบเงียบจากภายนอกกำแพง ชวนให้นึกถึงความเรียบง่าย รับรู้ได้ถึงแสงธรรมชาติตลอดทั้งวันที่ส่องผ่านบล็อกแก้วเข้ามาแบบ Indirect light ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงความร้อนที่แผ่เข้าสู่ภายในห้องได้ในขณะที่ยังสว่างไสว
ส่วนของแปลนบ้านหลังนี้ได้รับการออกแบบตามแนวทางแบบเปิด open plan รวมครัว ห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าวอยู่บริเวณเดียวกัน เพื่อให้การระบายอากาศไหลผ่านทุกพื้นที่ สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นต่อเนื่อง โดยไม่มีอุปสรรคทั้งในมิติของพื้นที่และสายตา ห้องครัวหลักและพื้นที่รับประทานอาหารมีจุดโฟกัสสายตาที่ Back Spalsh ลายตารางหมากรุกที่ตัดกับตู้ไม้อัดและไอส์แลนด์โลหะวาววับ ภาพรวมทั้งหมดนำเสนอองค์ประกอบงานตกแต่งที่นิยมในช่วงกลางศตวรรษ ซึ่งช่วยให้ที่นี่เป็นพื้นที่ใช้ชีวิตที่สะดวกสบายแต่มีสิ่งที่น่าดึงดูดใจ
บริเวณเหนือชั้นวางบิลท์อินติดผนังที่เสมือนแกลเลอรี่เล็ก ๆ จะรับรู้ได้ถึงแสงที่ส่องลงมาจากด้านบนสะท้อนกับผนังสีขาว ซึ่งมีที่มาจากช่องแสง Skylight ที่ตั้งใจกำหนดเอาไว้ตรงจุดนี้ จากพื้นที่ใช้งานสาธารณะ จะมีบันไดวนสีขาวนำทางขึ้นไปสู่โซน private ในชั้นสอง หลังประตูบานไม้เปิดเข้าไปเป็นห้องทำงาน ที่จะเปลี่ยนความรู้สึกไปทันที
บริเวณห้องทำงาน จะหันหน้าเข้ามาสวน โดยสถาปนิกจัดทำประตูแบบานหมุนเพื่อให้สามารถเปิดค้างเอาไว้รับแสง ลม และบรรยากาศได้เต็มที่ ระหว่างการทำงานจึงเหมือนได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ช่วยให้ผ่อนคลายและมีสมาธิมากขึ้น ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการเรียบเรียงความคิดได้มากกว่าการนั่งทำงานในห้องสี่เหลี่ยมปิดทึบทุกด้าน
การออกแบบประตูและหน้าต่างแต่ละบานบ่งบอกถึงจุดประสงค์ในการใช้งานที่สอดคล้องกับการจัดแสง การเปิดมุมมองชมภูมิทัศน์ และการระบายอากาศภายในที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นประตูบานหมุนภายในระหว่างห้อง ประตูบานหมุนในห้องทำงาน ช่องแสง Skylight และช่องแสงบนผนังที่ไม่ได้ให้แค่วิวและเพิ่มความสว่าง แต่ยังให้มิติของแสงเงาสวย ๆ ในช่วงเวลา เช่น บริเวณโถงสูงใกล้บันไดขึ้นชั้น 2 จะมีช่องแสงหน้าต่างแนวนอน (Ribbon Windows) ปล่อยให้แสงธรรมชาติเข้ามาตกกระทบบนผืนผ้าใบสีขาวขนาดใหญ่ ทำให้เห็นการเดินทางของแสงที่ค่อย ๆ เปลี่ยนองศาไปทีละน้อยตามช่วงเวลาของวัน
บนชั้นสองซึ่งเป็นส่วนของห้องพักส่วนตัว สถาปนิกแยกพื้นที่ภายในออกเป็น 2 ปีกสำหรับแขกและเจ้าบ้าน โดยสามารถเดินขึ้นได้จากบันไดคนละด้าน คือ ห้องนอนมาสเตอร์สำหรับเจ้าของบ้านขึ้นได้จากบันไดวน ส่วนห้องสำหรับแขกจะขึ้นทางบันไดคอนกรีตสีขาว นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ว่างและสวนส่วนตัว ที่เป็นอีกหนึ่งปราการที่ทำหน้าที่ทั้งแยกส่วนและเชื่อมต่อ
ห้องนอนแต่ละห้องยังคงเลือกใช้สีขาวเป็นหลัก ตกแต่งน้อย ๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น เน้นความรู้สึกอบอุ่นของไม้ แต่มีสิ่งที่ต่างกันเล็กน้อยตรงความใส สว่าง ของผนังที่ต่างระดับกัน ขึ้นอยู่กับเจ้าของห้องว่าต้องการให้พื้นที่พักผ่อนส่วนตัวออกมาเป็นลักษณะเช่นไร
พื้นบ้านสะอาดตาเคลือบด้วยอีพ็อกซี่สีขาว ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาดบ้าน แสงธรรมชาติที่ส่องเข้าตัวบ้านได้ทุกที่ยังช่วยชำระกลิ่นและความชื้นที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในห้องน้ำจึงถูกสุขอนามัยอยู่เสมอ
แปลนบ้าน