ต่อเติมบ้านโมเดิร์นสีขาว

“ชื่อ” เป็นคำที่ตั้งขึ้นเพื่อใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ต่าง ๆ ชื่อจึงมักจะถูกเลือกคำให้สามารถระบุตัวตน บอกถึงลักษณะบางอย่างได้ดี ในโครงการบ้านก็เช่นเดียวกัน หลายครั้งเราจะเห็นการตั้งชื่อจากที่ตั้ง ซอย ตำบล และมีไม่น้อยที่ตั้งลักษณะเฉพาะพิเศษของสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนใคร บ้านหลังนี้ก็เป็นหนึ่งในโปรเจ็คที่มีลูกเล่นในการสร้างบ้านและลูกเล่นในการตั้งชื่อ ด้วยการใช้คำว่า House Cove (r) มาจากคำว่า cover ที่แปลว่าปกคลุม ห่อหุ้ม ซึ่งจะสอดคล้องกับฟาซาดหน้าบ้านที่คลุมบ้านอยู่ และคำว่า Cove ที่วางตัวอยู่นอกวงเล็บ สื่อถึงลักษณะโค้งเว้าของบ้านตรงหัวมุม เป็นการสื่อสารจากคำเพียงคำเดียวที่บอกเรื่องราวของบ้านได้ทั้งหมด

ออกแบบ : Touch Architect
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

บ้านเดี่ยว 2 ชั้นสีขาวสะอาดตาตัดกับสีเขียวของต้นไม้หลังนี้ ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล แต่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ขนาดพื้นที่บ้าน 150 ตร.ม. คิดเป็นพื้นที่ 2 ใน 3 ของที่ดินทั้งหมด 256 ตร.ม. หลังจากครอบครัวขยายใหญ่ขึ้น บ้านหลังเดิมเริ่มเล็กเกินไปสำหรับครอบครัวสมาชิกห้าคน และมีผู้สูงวัยคือคุณยายอยู่ด้วย จึงคิดจะทำการต่อเติมอาคารใหม่ในที่ดินแปลงหัวมุม ซึ่งถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการใช้ประโยชน์

อาคารเดิมดีไซน์ร่วมสมัยหลังคาปั้นหยาสีน้ำตาลยังอยู่ในสภาพดี เจ้าของบ้านจึงไม่ต้องการปรับปรุงใด ๆ แต่สถาปนิกต้องการสร้างความรู้สึกเชื่อมต่อทางสายตาระหว่างอาคารเก่า-ใหม่ จึงใช้วิธีการเติมฟาซาดระแนงเหล็กสีขาวห่อหุ้มเอาไว้ สำหรับบ้านใหม่ที่จะต่อเติมเพิ่มมีข้อจำกัดเรื่องที่ดินบ้านหลังมุมเชื่อมต่อกับถนนสาธารณะทั้งสองข้าง ทำให้รูปทรงของแปลงที่ดินโค้งมนไปตามเส้นถนนหลัก สถาปนิกจึงต้องออกแบบบ้านให้ล้อไปกับแนวที่ดินเพื่อให้ได้ฟังก์ชันการใช้งานมากที่สุด

ฟังก์ชันของบ้านเดิมและบ้านใหม่แบ่งการใช้งานอย่างชัดเจน ป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหาร และห้องนอนเด็กในอนาคต และระเบียงกลางแจ้งในขณะที่บ้านใหม่จะเป็นห้องเด็กเล่นของลูกๆ ห้องนอนของคุณยายที่ชั้นล่าง ห้องนอนใหญ่ของคุณพ่อคุณแม่บนชั้นสอง และห้องดูโทรทัศน์ที่ค่อนข้างเปิดกว้าง สว่าง และยืดหยุ่นกว่า ซึ่งสถาปนิกได้เชื่อมพื้นที่กิจกรรมต่อกับบ้านที่มีอยู่บ้านหลังเดิมอย่างไหลลื่น

เนื่องจากบ้านตั้งอยู่หัวมุมที่มีการสัญจรผ่านไปมาและต้องการความเป็นส่วนตัว จึงจำเป็นต้องมีส่วนหน้าอาคารที่ช่วยพรางสายตาจากภายนอก สถาปนิกจึงเลือกใช้โครงตาข่ายอะลูมิเนียมแนวตั้งร่วมกับแผ่นโลหะเจาะรูเพื่อปิดช่องทั้งหมดต่อเนื่องไปจนถึงบ้านเดิม รั้วกึ่งทึบกึ่งโปร่งทำหน้าที่เพิ่มความเป็นส่วนตัว ในขณะเดียวกันก็ยังยอมให้แสงธรรมชาติบางส่วนผ่านทะลุ เพื่อเพิ่มบรรยากาศที่ดีให้กับการอยู่อาศัย

ระหว่างแนวกำแพงโปร่ง ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นรั้วบ้านกับผนัง จะมีที่ว่างเป็นการเว้นระยะร่นตามกฎหมาย ตกแต่งสำหรับใช้งานกลางแจ้ง โดยจัดภูมิทัศน์สวนน้ำ พื้นที่สีเขียว และเทอเรสปูพื้นด้วยไม้ ด้านนอกและในบ้านปลูกต้นไม้ใหญ่ ไม้เลื้อยที่ช่วยทำหน้าที่กรองแสง กรองฝุ่น ป้องกันบ้านจากแสงอาทิตย์ที่ทะลุผนังกรพจกโปร่ง ๆ เข้ามา ลดความร้อนที่จะรบกวนการใช้งานพื้นที่ภายใน

ห้องนั่งเล่นและนั่งดูทีวีที่ชั้นบน ห้องนอนตกแต่งเรียบง่ายด้วยสีขาว พื้นไม้สีอ่อน ๆ มีชั้นวางบิลท์อินสองจุดเน้นย้ำสไตล์ modern minimal ในห้องนั่งเล่นติดตั้งผนังกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานเต็มพื้นที่หลายเมตร ทำให้เหมือนเป็นจอภาพขนาดใหญ่รับวิวต้นไม้ได้เต็มที่ ในขณะที่ห้องนอน master ใส่ช่องแสงแนวนอนเก๋ ๆ ขนาดเล็กเท่านั้น แม้จะเหมือนเป็นจุดรับแสงเล็ก ๆ แต่ยังคงได้รับแสงอย่างพอเพียงจากบริเวณหัวเตียง ที่เจาะเพดานขึ้นไปแล้วใส่ skylight รับแสงเข้ามาจากด้านบน

โครงสร้างในภาพรวมของบ้านที่เป็นเหล็ก โครงสร้างบันไดจึงต้องทำขึ้นจากเหล็กตามไปด้วย สถาปนิกยังดีไซน์บันไดแผ่นเหล็กพับ โดยออกแบบคานให้เล็กลง และใช้ดีเทล Cladding หุ้มวัสดุไม้ลงบนตัวเหล็กพับ เพื่อโชว์ดีเทลของงานเหล็กสร้างความสวยงามให้กับโครงสร้างบริเวณทางสัญจรทั้งหมดของบ้าน

จุดที่แปลกที่สุดในบ้านนี้นอกจากโถงบันไดทางขึ้นดาดฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงจากหลังคา Skylight แล้ว ยังอยู่ที่การจัดสวน เนื่องจากสวนที่มีอยู่เดิมถูกแทนที่ด้วยอาคารใหม่ไปแล้ว จึงใส่แนวคิดใหม่ด้วยการยกสวนขึ้นไปที่ชั้นบนสุดแทน เพื่อคงพื้นที่สีเขียวโดยปูพื้นด้วยหญ้าเทียมที่ดูเสมือนจริง วางกระถางต้นไม้ใส่ความสดชื่นโดยไม่ต้องดูแลบำรุงรักษามาก เป็นอีกหนึ่งโซนที่ให้เด็กๆ ได้ออกมาวิ่งเล่นสนุก ๆ นอกตัวบ้าน