เมนู

6 ขั้นตอน ปูพื้นบ้านด้วย SPC ทำตามได้ ไม่ยากอย่างที่คิด

ปูพื้น SPC ด้วยตัวเอง

D.I.Y ปูพื้นบ้านด้วย SPC และไวนิลคลิกล็อค

ในช่วงหลายปีมานี้เจ้าของบ้านไม่น้อยที่อยากเปลี่ยนอารมณ์บ้านจากพื้นกระเบื้องมาเป็นพื้นบ้านวัสดุไวนิลและ SPC ลายไม้ที่เปลี่ยน Mood&Toneให้อบอุ่นได้ในทันที แต่เมื่อคิดคำนวณค่าใช้จ่ายวัสดุรวมค่าแรงติดตั้งที่เริ่มต้นตารางเมตรละหลายร้อยบาท ทำเอาคุณพ่อบ้านแม่บ้านบางคนเริ่มอยากประหยัดตรงส่วนนี้ด้วยการลงมือติดตั้งเองแบบ DIY  แต่ก็ยังกังวลว่างานติดตั้งพื้นจะเป็นงานยากและต้องอาศัยประสบการณ์ในการทำให้สวยงามเรียบเสมอกัน “บ้านไอเดีย” อยากจะบอกว่าการปูพื้นลายไม้ทำได้ง่ายกว่าที่คิด ด้วยระบบคลิกล็อค (Click Lock) ที่ไม่ต้องใช้กาว อุปกรณ์ก็ไม่มาก ขั้นตอนการปูในกรณีที่ปูพื้นกระเบื้องเดิมได้ระดับอยู่แล้วยิ่งสะดวกเข้าไปใหญ่ แต่จะง่ายขนาดไหนต้องตามไปดูด้วยกันครับ

ไอเดีย : Thespruce
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

อุปกรณ์สำหรับปูพื้นไม้ไวนิล

สิ่งที่ต้องเตรียม

  1. ตลับเมตร ไม้บรรทัด ฉากเหล็ก ดินสอ สำหรับวัดพื้นที่และทำเครื่องหมายวัดตัดวัสดุปูพื้น
  2. คัตเตอร์ขนาดใหญ่คมๆ
  3. ฆ้อนยาง
  4. แผ่นพื้นวัสดุไวนิลหรือ SPC แบบคลิกล็อค
  5. บัวเชิงผนัง PVC (PVC Skirting ) และตัวจบงาน (Edging หรือ ตัวจบริมห้อง) พร้อมกาวร้อน
  6. โฟมรองพื้น (ถ้ามี)
  7. ซิลิโคนสีใกล้เคียงกับวัสดุปูพื้นสำหรับเก็บขอบ
  8. กล่องตัดองศาและเลื่อยปังตอ
  9. ชะแลง (กรณีที่ต้องงัดบัวเชิงผนังเดิม)

รื้อบัวเชิงผนังเดิมออก

ขั้นตอนการติดตั้งแผ่นพื้นคลิกล็อค

1. หลังจากที่เจ้าของบ้านเลือกลวดลายวัสดุที่ชอบได้แล้ว ก็ต้องทำการวัดพื้นที่ห้องเพื่อนำไปคำนวณจำนวนแผ่นพื้นให้พอดีกับขนาดห้อง โดยควรซื้อแผ่นกระเบื้องเผื่อไว้ประมาณ 3-5% ซึ่งแผ่นวัสดุแต่ละแบรนด์อาจจะมีขนาดไม่เท่ากัน ผู้จัดจำหน่ายจะแจ้งคร่าวๆ ว่า 1 กล่อง สามารถปูได้ประมาณกี่ตารางเมตร (สินค้าจะจำหน่ายเป็นกล่อง) ในปัจจุบันยังมีรูปแบบเว็ปไซต์ขายสินค้าที่ให้กรอกพื้นที่ลงไปแล้วระบบจะคำนวณจำนวนวัสดุพร้อม% เผื่อเหลือเผื่อขาดให้ด้วย เมื่อสั่งซื้อเรียบร้อยก็ถึงเวลามาเตรียมหน้างาน โดยงัดรื้อบัวเชิงผนังเดิม (ถ้ามี) รื้อวัสดุปูพื้นเดิมที่เสียหายออกทั้งหมด

เตรียมปูพื้นไม้ไวนิลคลิกล็อค

ซ่อมพื้นเดิมให้เรียบได้ระดับ

2. หากพื้นเดิมที่รื้อออกมีร่อง หลุม ให้อุดโป๊วเก็บงานให้เรียบร้อย สำหรับบ้านที่กังวลเรื่องความชื้นของพื้นกรณี และเห็นว่าพื้นอาจจะไม่เรียบและระดับต่างกันเล็กน้อยให้ปูรองด้วยแผ่นโฟมหนา 2 มิลลิเมตรทั่วทั้งห้องก่อนปูวัสดุแผ่นพื้นใหม่เข้าไป จะช่วยปรับระดับพื้นด้านล่างและกันความชื้น ส่วนบ้านที่ปูพื้นเดิมได้ระดับอยู่แล้ว เช่น พื้นไม้ปาร์เก้ พื้นกระเบื้อง ก็สามารถปูพื้นใหม่ทับไปได้เลย โดยไม่ทำให้พื้นเดิมเสียหาย อย่างไรก็ตามในพื้นปาร์เก้แนะนำว่าควรปูรองด้วยโฟมก่อน เพื่อป้องกันเสียงดังเวลาเดิินที่อาจเกิดจากลิ้นของพื้นไวนิลหรือพื้น SPC ที่เสียดสีกับพื้นปาร์เก้ได้

เรียงวัสดุปูพื้นไวนิลจากด้านหนึ่งของผนัง

3. ในโปรเจ็คนี้เป็นตัวอย่างการปูแบบสลับหว่างเหมือนลายอิฐ และเพื่อความปลอดภัยไม่สูญเสียวัสดุโดยไม่จำเป็น ก่อนติดตั้งจริงเราจะลองกำหนดทิศทางก่อน ด้วยการนำแผ่นไวนิลวางคร่าวๆ แถวแรกในจุดที่ต้องการ อาจจะเป็นชิดริมผนังด้านใดด้านหนึ่งจากซ้ายไปขวา หรือติดตั้งจากแนวประตูทางเข้า โดยวางเต็มแผ่นในแผ่นแรกแล้วต่อไปด้านข้างเรื่อยๆ จากนั้นวางแถวต่อไปแบบสลับหว่าง จะพอมองภาพรวมคร่าวๆ และเห็นพื้นที่เหลือด้านข้างซึ่งต้องตัดให้พอดี

เรียงวัสดุปูพื้นไวนิลคลิกล็อคทีละแผ่น

ติดตั้งแผ่นพื้นแบบคลิกล็อค

4. เมื่อมั่นใจในตำแหน่งที่จะวางแล้วก็มาเริ่มทำการติดตั้งจริงกันเลย ด้วยการวางแผ่นแรกลงไปก่อน แล้วต่อแผ่นต่อไปด้วยการเข้าลิ้นจากด้านหัวของแผ่น (ด้านสั้น) ยกขึ้นทำมุม 45 องศา แล้วจึงขยับใส่ลิ้นด้านข้าง (ด้านยาว) จากนั้นใช้ฆ้อนยางตอกด้านข้างให้เข้าล็อคกันได้แนบสนิท และทำการติดตั้งไปเรื่อย ๆ แต่ควรเว้นระยะห่างจากผนังไว้ อย่างน้อย 5 มม. เผื่อวัสดุเกิดการขยายตัว

ใช้คัตเตอร์ตัดแผ่นไวนิล

5. ในส่วนของพื้นที่เข้ามุมหรือพื้นที่ขาดเกินจากไม้เต็มแผ่น หรือสิ่งกีดขวาง อาทิ ท่อ หรือราวบันได เราจำเป็นต้องทำการตัดแต่งให้แผ่นไม้เข้ากันได้พอดี ซึ่งไม่ยากเลย เพียงแค่ใช้ฉากเหล็กวัด นำดินสอขีดตามแนวที่ต้องการ จากนั้นใช้คัตเตอร์กรีดย้ำ ๆ ตามเส้นที่ขีดไว้ สามารถกรีดได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แล้วใช้มือเปล่าหักได้เลย

ใช้คัตเตอร์ตัดแผ่นไวนิลให้พอดีมุม

ตัดวัสดุปูพื้นไวนิลคลิกล็อคให้พอดีกับพื้นที่

ใส่บัวเชิงผนังเก็บงานให้เรียบร้อย

6. ขั้นตอนสุดท้าย เราจะเก็บรายละเอียดให้สวยงามกับจบ ซึ่งจะมี 2 แบบ คือ บัวเชิงผนัง ให้นำตัวบัวทาบกับความยาวชิดขอบห้อง แล้วใช้ดินสอขีดไว้เพื่อตัดโดยจะใช้กาวร้อนในการช่วยยึดบัวผนังทั้งสองข้างให้ติดกัน ค่อย ๆ ใช้กาวตะปูติดที่บัวผนังทีละชิ้นใช้มือกดให้แนบแน่นกับผนังมากที่สุด สำหรับบัวผนังจะมีส่วนที่ต้องตัด 45 องศาที่มุมห้องหรือมุมเสา หากไม่มีเลื่อยแท่นที่ตัดองศา สามารถใช้กล่องตัดองศากับเลื่อยแบบปังตอราคาไม่กี่ร้อยบาทมาใช้ได้เหมือนกัน เมื่อติดตั้งบัวผนังรอบห้องเรียบร้อยแล้วให้ยิงซิลิโคนทั้งด้านขอบบน ขอบล่างของบัวผนังและบริเวณที่มีร่องโหว่ระหว่างผนัง

ติดตั้งตัวจบพื้น transition-strip

สำหรับการตัวจบริมห้องจะเป็นเส้นเล็ก ๆ ใช้จบงานที่เชื่อมต่อไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่น ประตู หรือระหว่างห้อง ทำง่ายๆ โดยวัดตัดให้ความยาวพอดีกับแผ่นพื้น จากนั้นทากาวตะปูในร่องตัวจบแล้วเสียบเข้ากับวัสดุพื้นที่จะติดตั้ง เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวต้อนรับบ้านที่เปลี่ยน Mood สุดอบอุ่นได้เลย

คุณคิดเห็นอย่างไรกับบทความนี้ ?

Advertorial

ดูทั้งหมด

โพสต์ล่าสุดในหมวด D.I.Y. ของแต่งบ้าน


โพสต์ล่าสุด