บ้านยุโรป แนวคิดญี่ปุ่น

วิถีชีวิตอีกทวีปหนึ่ง สามารถผสมผสานกับอีกทวีปหนึ่งได้หรือไม่ หากนำหลักการพื้นฐานของมนุษย์ ที่มักมีความต้องการในชีวิตที่คล้าย ๆ กัน คงไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปที่จะนำสไตล์ที่แตกต่างกันมาผสมผสานให้เป็นหนึ่งเดียว อย่างบ้านสองชั้นที่สร้างบนที่ดินหน้าแคบหลังนี้ สร้างอยู่ในทวีปยุโรป แต่ได้นำแนวคิดแบบญี่ปุ่นมาประยุกต์ให้สอดคล้อง กับทั้งขนาดของที่ดิน ทั้งฟังก์ชันการใช้งาน รวมถึงการจัดสรรองค์ประกอบให้สามรถใช้สอยได้อย่างลงตัว เรียบง่ายและอ่อนโยน

ออกแบบ : Studio Haptic
ภาพถ่าย : Justin Alexander & Simon Whitbread
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

อาคารสองชั้นผนังติดกับเพื่อนบ้านลักษณะเหมือนทาวน์เฮ้าส์ หน้ากว้างของที่ดินค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับความลึก สถาปนิกจึงได้ยึดแนวคิดการออกแบบตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นมาใช้งาน เป็นแรงบันดาลใจชั้นยอดที่จะเนรมิตพื้นที่ที่มีอย่างจำกัด ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า ตอบโจทย์ความต้องการและเติมเต็มคุณภาพชีวิตในเมืองได้อย่างเต็มที่

เริ่มจากการจัดวางตำแหน่งหน้าบ้านให้ชิดติดถนน ไม่ต้องเว้นระยะร่นมากนัก เพื่อให้เหลือพื้นที่หลังบ้านไว้สำหรับจัดสวนให้ครอบครัวได้พักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว ทำการกรุระแนงไม้ตามแนวนอนที่สามารถเปิดปิดได้ ให้เป็นเหมือนฟาซาดอีกชั้น ทำให้บ้านที่มีระยะร่นน้อยดูปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

หลังคาบ้านทรงจั่วสูง ช่วยเพิ่มความขนาดการกักเก็บอากาศบนโถงสูงได้เยอะกว่าเดิม อีกทั้งเพื่อให้ภายในบ้านมีสภาวะอยู่สบายอยู่เสมอ จึงทำการเว้นคอร์ทจัดสวนหย่อมเล็ก ๆ ไว้ตรงใจกลาง ซึ่งการตัดสินใจเว้นพื้นที่สวน อาจดูเหมือนทำให้เสียพื้นที่ใช้สอยภายใน แต่เมื่อพิจารณาถึงเรื่องความผ่อนคลาย ความสุนทรียภาพที่ได้รับจากธรรมชาติ แน่นอนว่าย่อมมีความคุ้มค่ามากกว่า

เนื่องด้วยวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ มักใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน แม้จะมีการจัดสวนไว้อย่างสวยงามก็ไม่สามารถกระตุ้นให้ลุกจากหน้าจอสมาร์ทโฟนได้ คอร์ทที่อยู่ใจกลางจึงเป็นเหมือนฟังก์ชันที่ช่วยเชื่อมสัมผัสระหว่างคนและต้นไม้ไว้ด้วยกัน อยู่ภายในก็รับความสดชื่นได้ อย่างน้อยก็ช่วยปรับเปลี่ยนอารมณ์ที่ตึงเครียดให้เบาสบายได้ไม่มากก็น้อย

พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านค่อนข้างกะทัดรัด ศาสตร์การตกแต่งแบบญี่ปุ่นจึงช่วยได้อย่างมาก ทั้งการคัดกรองให้เหลือเพียงสิ่งที่จำเป็น การใช้บิลท์อินมาช่วยเสริมความเป็นระเบียบ การตกแต่งบ้านให้มีความยืดหยุ่นปรับประยุกต์ได้ง่าย รวมถึงการใช้โทนสีสว่างและเปิดช่องแสงไว้ทั่วทิศทางอย่างเพียงพอ

มุมนั่งเล่นเชื่อมต่อกับสวนหลังบ้านด้วยประตูกระจกบานเลื่อน

เนื่องด้วยพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงต้องใส่ใจในรายละเอียดในทุก ๆ ตารางเมตร ประตูทุกบานภายในบ้านหลังนี้เลือกใช้เป็นบานเลื่อนทั้งหมด เพื่อประหยัดพื้นที่เวลาเปิด ไม่เกะกะส่วนอื่น ๆ อีกทั้งยังได้อารมณ์เหมือนบ้านในญี่ปุ่นอีกด้วย

ไม้เป็นอีกหนึ่งวัสดุสำคัญที่สร้างความผ่อนคลายให้กับบ้าน สถาปนิกได้นำไม้สีน้ำตาลอ่อนมาใช้กับการปูพื้น กรอบประตูหน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงงานไม้บันได สีสัน เส้นสาย และลวดลายที่เป็นอัตลักษณ์ยากเกินกว่าที่วัสดุใด ๆ จะมาทดแทน และนั่นทำให้บ้านหลังใหม่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น

ห้องครัว ทานอาหารและมุมนั่งเล่น จัดอยู่ในโซนด้านหน้า นอกจากจะมองเห็นสวนตรงคอร์ทกลางบ้านแล้ว ยังได้ความสดชื่นจากสวนที่อยู่หลังบ้านด้วย ผังภายในแบบ Open Plan เหมาะเป็นอย่างมากกับบ้านหน้าแคบ เพราะเมื่อไม่มีผนังมาปิดกั้นสัดส่วนการใช้งานแล้ว จะทำให้ภายในดูกว้างขวางมากกว่าเดิม อีกทั้งไม่ขวางการหมุนเวียนของเส้นทางเดินของอากาศด้วย

มุมมองจากห้องแฟมิลี่มองเห็นคอร์ทกลางบ้าน

ชั้นสองของบ้านมีความโปร่งสว่างไม่แพ้ชั้นล่าง เนื่องด้วยผนังด้านที่ติดกับคอร์ท ได้ทำการติดตั้งประตูกระจกกรอบอลูมิเนียมสีดำทั้งแผง แสงธรรมชาติจึงสาดส่องเข้ามาอย่างทั่วถึง เป็นจุดกระจายแสงจุดใหญ่ของบ้านเลยก็ว่าได้

ชั้นบนมีห้องนอนที่แยกออกเป็นสองส่วน คือ ห้องนอนที่อยู่โซนด้านหน้า ห้องนี้มองเห็นวิวเมือง ความเคลื่อนไหวของผู้คนและรถราที่สัญจร ส่วนอีกห้องอยู่โซนด้านหลัง มองเห็นสวนหลังบ้าน มีความสงบมากกว่าจึงเหมาะกับบ้านของพ่อแม่ แต่ห้องที่อยู่ด้านหน้าก็มีความเป็นส่วนตัวเช่นกันด้วยการดีไซน์ฟาซาดระแนงไม้ให้ปกปิดประตูกระจกไว้ภายนอกอีกชั้น

ห้องน้ำมีการตีฝ้าเพดานตามแนวจั่ว และทำการเปิดช่องแสงช่องลมด้วยหน้าต่างกระจกบานเกล็ด ช่วยลดความอับชื้นและเชื้อโรคสะสมได้เป็นอย่างดี ตั้งใจตกแต่งด้วยวัสดุที่อิงกับธรรมชาติ อย่างไม้ หินอ่อน หินขัด สร้างความรู้สึกให้ผ่อนคลายขณะที่กำลังชะล้างร่างกายหรือทำธุระส่วนตัว

โครงสร้างหลักของบ้านเป็นหลักสีดำ ลดความหนาของโครงสร้างบ้านได้อย่างดี มีความยืดหยุ่นและช่วยประหยัดเวลาในการก่อสร้าง จับคู่กับแผ่นไม้สีดำที่นำมากรุลงไปบนผนังข้างบ้าน บ้านหลังคาจั่วแหลมจึงยิ่งดูเท่และน่าสนใจยิ่งกว่าเดิม