ออฟฟิศสไตล์ธรรมชาติ
ถ้าเอ่ยถึงออฟฟิศสถาปนิก หลายคนจะมีความคาดหวังจะได้พบงานดีไซน์ที่ความแปลกและแตกต่างให้สมกับเป็นนักออกแบบอาคาร แต่แท้จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศหรือบ้าน จะเน้นเรื่องความสะดวก สบาย พื้นที่รับแสง ลม การระบายอากาศ เป็นหัวใจหลักที่ควรให้ความสำคัญมาก่อนดีไซน์ MA Architects ก็เช่นเดียวกัน หลังจากที่ทำงานในสำนักงานให้เช่ามา 5 ปี ก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่จะต้องมองหาออฟฟิศที่ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่สำนักงานสถาปัตยกรรมที่ต้องเผชิญทุกวันไม่เอื้อกับการทำงานอย่างสร้างสรรค์ เพราะทั้งร้อน แคบ และชวนให้อึดอัด จึงลงมือออกแบบอาคารด้วยตัวเอง ส่วนผลจะเป็นอย่างไร จะว๊าวหรือไม่ต้องตามไปชมกันครับ
ออกแบบ: MA Architects Vietnam
ภาพถ่าย: Chaopaul phan
เนื้อหา: บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
สถาปนิก MA มีแนวคิดในการออกแบบ คือ ต้องการพื้นที่ที่ทุกคนมาแบ่งปันไอเดีย ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีสายลม แสงธรรมชาติ ต้นไม้สีเขียว ทราย ฝน และไม้ รวมกันอยู่ภายใน MA ถือว่าองค์ประกอบเหล่านี้เป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ และพนักงานเป็นตัวอ่อนที่จะได้รับการหล่อเลี้ยงทั้งร่างกายและจิตใจจากสิ่งแวดล้อม จึงออกแบบอาคารในพื้นที่ 5×20 เมตร ให้ใช้ทรัพยากรที่เป็นมิตร ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของระยะเวลาการก่อสร้างที่สั้นลง และความสะดวกในการบำรุงรักษาในอนาคต ทีมงานจึงใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น โดยการนำไม้เก่ากลับมาใช้ใหม่ในส่วนหลัก ๆ เช่น คาน โครงถัก พื้น และเสา ส่วนภายนอกจะเป็นชั้นของผนังคอนกรีตและแผ่นหลังคาดีบุกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับหลังคาจะแปลกที่สุดตรงที่ครึ่งหนึ่งมุงด้วยวัสดุโปร่งแสง อีกครึ่งหนึ่งมุงทับด้วยวัสดุธรรมชาติ
เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะรู้สึกได้เลยว่าที่นี่แทบไม่ใช่สถานที่ทำงาน (ถ้าไม่ได้เหลือบไปเห็นชุดโต๊ะทำงาน) เพราะความโล่งโปร่งเบาจากการออกแบบอาคารสองชั้นให้มีเพดานสูงแบบ Double space ช่วยให้มองเห็นท้องฟ้าได้ดีขึ้น ทำให้ระนาบของเพดานเปิดกว้างยิ่งขึ้นทั้งทางกายภาพและทางสายตา การไหลของพื้นที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีขอบเขตการกำหนดขอบเขตที่แน่นอน ผนังและฉากกั้นถูกลดลงให้เหลือเท่าที่จำเป็น ในส่วนของพื้นอาคารจะถูกแบ่งเป็นสองส่วน คือ คอนกรีตขัดมันด้านหนึ่งและและคอร์ทยาร์ดที่ทำเป็นลานทราย พร้อมปลูกต้นไม้ใหญ่เอาไว้ภายใน
การใช้วัสดุปูพื้นที่แตกต่างกัน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแยกขอบเขตและฟังก์ชันการใช้งานออกจากกันอย่างหลวมๆ ด้านที่เป็นปูนขัดมันจะเป็นโซนทำงาน ส่วนลานทรายก็แน่นอนว่าจะเป็นโซนนั่งพักผ่อนที่ไม่ได้มีอะไรกั้นแบ่ง ทุกคนสามารถเดินไปนั่งเล่นนั่งพักเมื่อไหร่ก็ได้ที่รู้สึกเมื่อย ล้าสายตา สภาพแวดล้อมในการทำงานแบบนี้ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้มานั่งทำงานในออฟฟิศ แต่อยู่ท่ามกลางคาเฟ่ธรรมชาติที่ไหนสักแห่ง ชวนให้ความคิดสร้างสรรค์โลดแล่น
ต้นไม้ ที่ปลูกลงในตัวอาคารได้รับการคัดสรรอย่างระมัดระวังทั้งขนาด ความสูง ประเภท ระบบราก ฯลฯ เพื่อให้ต้นไม้เหล่านี้เติบโตภายในโครงการโดยไม่ส่งผลกระทบกับฐานรากและตัวอาคาร
ลานทรายที่ปูครึ่งหนึ่งของออฟฟิศเป็นพื้นที่อัดแน่นด้วยชั้นหินเล็ก ๆ และปิดท้ายด้วยชั้นทรายอัดทับด้านบน ทำให้ได้สีที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ผิวทรายยังให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ดีและเร็วกว่าคอนกรีต และซึมซับน้ำได้เองทุกครั้งที่ฝนตก ช่วยลดอุณหภูมิที่ร้อนลงโดยการรดน้ำที่ทรายในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ส่วนด้านหลังคาโปร่งแสงโพลีคาร์บอเนตนั้น ความโปร่งแสงของวัสดุย่อมพร้อมกับความร้อน ซึ่งสถาปนิกได้หาวิธีป้องกันไว้แล้ว โดยใต้หลังคาโปร่งแสงติดตั้งม่านมู่ลี่ไม้ ช่วยพรางแสงแต่ภายในจะยังคงมีแสงสว่างอยู่ ส่วนหลังคาภายนอกจะมุงด้วยใบมะพร้าวแห้งเพื่อเป็นฉนวนและลดเสียงรบกวนไปพร้อมกัน
สำหรับชั้นบนจะมีการเล่นระดับให้ค่อยๆ ไต่ขึ้นไป มีพื้นที่นั่งประชุมงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และถัดไปเป็นชั้นนั่งเล่น วิธีนี้ก็เป็นอีกเทคนิคในการแยกขอบเขตการใช้งานพื้นที่ โดยที่ไม่ต้องทำผนังแบ่งกั้นแยกเป็นห้องๆ และแต่ละพื้นที่ยังมองเห็นกัน ได้รับแสง ได้รับวิวต้นไม้ที่พุ่งทะลุจากชั้นล่างขึ้นไปด้วย
หลังคาโครงสร้างไม้ออกแบบให้เป็นรูปร่างปีกผีเสื้อ ซึ่งสถาปนิกตัดสินใจยกหลังคาขึ้นสูง เพื่อให้อากาศไหลเวียนสะดวก แม้ว่าตัวอาคารจะมีรูปทรงแคบเนื่องจากรูปทรงของที่ดิน แต่สถาปนิกก็สามารถสร้างพื้นที่ภายในที่มีทางเดินที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง และออกแบบให้อากาศไหลจากทางเข้าไปยังห้องน้ำด้านหลังได้ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่องเปิดขนาดใหญ่ใกล้หลังคายังช่วยให้อากาศร้อนลอยตัวขึ้นและออกจากอาคารได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย
แปลนอาคาร
