บ้านยั่งยืนที่กลมกลืนธรรมชาติ

ในวันที่ต้องฝ่าฟันกับการเดินทางและการทำงานที่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในแต่ละวัน ใคร ๆ ก็คงอยากจะอยู่ในบ้านที่เดินไปทางไหน มองไปมุมใดก็รู้สึกผ่อนคลายสบายตา ยิ่งมีประตูหน้าต่างที่เปิดออกได้กว้างรับทัศียภาพและอากาศบริสุทธิ์ได้มาก บ้านก็เปรียบเป็นสวรรค์เล็ก ๆ ที่ช่วยปลอบประโลมให้พักใจคลายเหนื่อยได้เป็นอย่างดี เนื้อหานี้บ้านไอเดียมีงานตกแต่งภายในสำหรับคนรักบ้านที่ต้องการสร้างบรรยากาศแบบ Greenterior Room ที่ล้อมรอบด้วยความโปร่งเบาดึงเอาธรรมชาติเข้ามาเติมความสบายเอาไว้ใกล้ ๆ ตัวมาฝากกันครับ

ออกแบบ : Ticiane Lima Arquitetura & Interiores
ภาพถ่าย : MCAE Studio
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

บ้านยั่งยืน บ้านที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ

‘Planeta Casa’ เป็นคำขวัญที่เลือกโดย CASACOR São Paulo 2019 เพื่อนำเสนอแบบบ้านที่รวมพลังเทคโนโลยีและความยั่งยืนเข้าด้วยกัน ซึ่งงานนี้เปิดตัวขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคมถึง 4 สิงหาคมใน Jockey Club กับ Casa Conecta บ้านที่เห็นนี้คือ Casa conecta อยู่ใน Cidade Jardim ประเทศบราซิล เป็นบ้านยั่งยืนสไตล์โมเดิร์น มีพื้นที่ขนาด 125 ตารางเมตร แบ่งเป็นห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และลานกลางแจ้งนอกบ้าน ซึ่งมอบช่วงเวลาแห่งความผ่อนคลาย การเชื่อมต่อและการสะท้อนกลับของธรรมชาติเข้าสู่ภายในผ่านทุก ๆ องค์ประกอบ ตั้งแต่ผนัง พื้น ไปจนถึงของตกแต่ง

ภาพรวมของสถาปัตยกรรมดูสะอาดตา โปร่งเบา และทันสมัย ด้วยโทนสีที่ใช้สีขาวเป็นหลักตัดเส้นสายตาด้วยสีดำของกรอบประตูอลูมิเนียม ผนังที่แบ่งกั้นระหว่างภายในกับภายในและภายในกับภายนอกเน้นกระจก ที่เปิดออกได้กว้างรับอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ภายในได้เต็มที่ และพร้อมรับทัศนียภาพสวนเขียวขจีที่จัดเอาไว้รอบ ๆ บ้านได้ชัดเจน ตำแหน่งหรือทิศทางของผนังกระจกเลือกมุมที่รับแสงตามธรรมชาติได้พอดีโดยไม่ทำให้ห้องร้อน ภายในมีส่วนของไม้ อิฐ แผ่นหิน ผ้า มาเป็นองค์ประกอบพิเศษที่เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นให้กับบ้าน

พื้นที่ปูเป็นรูปทรงแผ่นหินสีเทาผสมผสานกับเฟอร์นิเจอร์โทนสีเอิร์ธโทน ครีม น้ำตาล เทา ซึ่งได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันและวางตำแหน่งเพื่อให้ความสะดวกสบายสูงสุด บนผนังใกล้ ๆ กับโต๊ะโซฟาตัวหนานุ่มชวนให้โฟกัสสายตาไปกับรูปถ่ายของหญิงสาวชาวอินเดียในงานแต่งงานผลงานของ Bruno Galerani ซึ่งสอดคล้องกับผลงานของ Eva Pena จาก Pena Cal Art Gallery, ภาพวาดโดย Zanine และ Maria Kruchewiscky ซึ่งทำให้บรรยากาศโดยรวมเป็นเหมือนบทกวีที่ชวนให้หลงไหล

การบริหารพื้นที่ให้มีความปลอดโปร่งมากที่สุด จำเป็นต้องเพิ่มการใช้พื้นที่แนวตั้งอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการใช้พื้นที่แนวนอน ในบ้านหลังนี้จึงบิวท์ผนังทำชั้นวางเป็นช่อง ๆ จนเต็มพื้นที่สำหรับเก็บของ โชว์ของสะสม เก็บหนังสือ และยังเจาะช่องว่างลึกเข้าไปเพื่อทำเป็นมุมทำงานเล็ก ๆ ที่ไม่กินพื้นที่ จึงไม่จำเป็นต้องมีชั้นหรือตู้และโต๊ะวางกีดขวางทางสัญจรอีก

รวมเทคโนโลยีโมเดิร์นเข้ากับธรรมชาติ

บนชั้นวางและเพดานบางส่วนติดตั้งอุปกรณ์ระบบไฟ FAS ให้การผสมผสานความหรูหราทันสมัย เน้นให้เห็นพื้นผิวที่แตกต่างกัน โดยไม่สูญเสียกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติ

เชื่อมต่อทุกส่วนอย่างลื่นไหล

การเชื่อมต่อระหว่างภายในกับภายใน และภายนอกกับภายใน เป็นสิ่งที่นักออกแบบให้ความสำคัญ เพราะการเชื่อมต่อถึงกันได้ง่ายทำให้เกิดปฏิสัมพัน์ระหว่างพื้นที่ต่อพื้นที่ คนกับคน และคนกับพื้นที่ วิธีการที่ใช้คือการลดผนังทึบให้มากที่สุด ส่วนไหนไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้ ส่วนไหนที่ต้องการสร้างการเชื่อมต่อหรือแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนก็เลือกใช้ตัวกลางเบลอขอบเขตเป็น “กระจกใส” ที่มองทะลุได้ เช่น ผนังกระจกที่ทำหน้าที่เป็นฉากกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องน้ำ เป็นต้น

ผนังสีเทาเย็นตาที่แอบซ่อนฟังก์ชันห้องน้ำได้อย่างแนบเนียน ไม่บดบังความงดงามในภาพรวมของการตกแต่งภายใน

พื้นที่ด้านนอกถูกผสมผสานอย่างเป็นธรรมชาติกับห้องนั่งเล่น ผ่านแผงกระจกประตูแบบบานหมุน (pivot door) ที่กำหนดองศาในการเปิดได้ ในสวนจะมีม้านั่งหินแกรนิตสีชมพูยาวหกเมตรคาดแผ่นเหล็กเท่ ๆ ถัดไปเป็นผนังที่เรียงตัวเป็นเส้นโค้งทำจากอิฐในเฉดสีที่แตกต่างกันของดิน และนำมาก่อแบบให้มีความเหลื่อมกันในแต่ละแผ่นสร้าง Texture ที่แปลกใหม่ให้ผนัง ความน่าสนุกสุดท้ายของลานอยู่ที่การทำเปลญวนหรือเชือกตาข่ายติดตั้งเหนือเพดานซึ่งต้องไต่บันไดขึ้นไปนอนเล่น ทำให้ผู้อยู่อาศัยเชื่อมต่อกับธรรมชาติได้ใกล้ชิดขึ้นและรู้สึกเหมือนลอยอยู่ในอากาศ