รีโนเวททาวน์โฮมให้สว่างและรับลมได้ดี

บ้านมืด บ้านชื้น เป็นความไม่พึงประสงค์ที่เราเชื่อว่าเจ้าของบ้านไหน ๆ ก็ไม่อยากให้มี แต่ในบ้านที่สร้างมานานหลายสิบปี และไม่ได้ออกแบบมาให้สามารถรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนและชื้นในภูมิภาคนี้ได้ ก็ต้องมีสักวันที่ผู้อยู่อาศัยจะต้องเจอปัญหานี้ เหมือนบ้านที่ชื่อหง็อกฮานี้ เป็นบ้านทาวน์โฮม 4 ชั้น ตั้งอยู่ที่ถนน Hoang Hoa Tham ในกรุงฮานอย สร้างขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งมืดและชื้น และไม่มีจุดเด่นใด ๆ ผู้คนเดินผ่านปมาได้ง่ายโดยไม่มีใครรับรู้ถึงการมีอยู่ สถาปนิก Nguyen Khac Phuoc จึงเข้ามาทำหน้าที่ฟื้นคืนชีพให้ที่นี่น่าอยู่และกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาอีกครั้ง

ออกแบบ : Nguyen Khac Phuoc Architects
ภาพถ่าย : Trieu Chien
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

โจทย์ของเจ้าของบ้านคือ ต้องการให้บ้านของหง็อกฮาเป็นบ้านที่ดูปิดจากภายนอกแบบคนเก็บตัว (Introvert) แต่มีพื้นที่ผ่อนคลายที่โปร่งสบายภายในเหมือนรีสอร์ทที่มีชีวิตชีวา ในขณะเดียวกันก็มีรายละเอียดที่โชว์ให้เห็นบรรยากาศของบ้านเก่าที่มีเอกลักษณ์แบบฮานอยในสมัยก่อนเจือปนอยู่ สถาปนิกจึงก่อผนังสูงด้านหน้าที่ทำหน้าที่เป็นกำแพงบ้านไปด้วย แล้วทำซุ้มประตูไม้บานคู่ตัดมุมโค้งๆ มุงด้วยกระเบื้องที่หาได้ในท้องถิ่น ให้ความรู้สึกปิดเป็นส่วนตัวแต่ยังอ่อนน้อมเป็นมิตร

สไตล์หลักที่สถาปนิกมุ่งสู่คือความทันสมัย เน้นความหยาบของวัสดุและใกล้ชิดธรรมชาติ จุดเด่นหลักของโครงการคือพื้นที่โค้งขนาดใหญ่ 3 ซุ้มทั่วทั้ง 3 ชั้นที่มองเห็นทะเลสาบด้านหน้า เมื่อมองจากภายนอกเข้ามา บ้านหลังนี้ทำให้ผู้คนนึกถึงภาพหลุมหลบภัยริมทะเลสาบ Huu Tiep ในสมัยสงครามต่อต้านการก่อวินาศกรรมของกองทัพอากาศสหรัฐ สถาปนิกยังใช้วัสดุดั้งเดิม เช่น บานประตูหน้าต่าง หลังคากระเบื้องสีแดง ฯลฯ เพื่อสร้างประตูหลัก หน้าต่าง และชายคาเพื่อคงความลึกโดยธรรมชาติของบ้านเก่า

เนื่องจากเจ้าของไม่ต้องจอดรถในบ้าน จากทางเข้าจึงจัดเป็นสวนขนาด 15 ตร.ม. โดยมีจุดเด่นที่ต้นไม้ใหญ่ผสมผสานกับพรรณไม้ร่มเย็นสไตล์ทรอปิคอล พื้นสวนทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยก้อนกรวดสีดำ ให้ความรู้สึกราวกับเหยียบลงไปในลำธารน้ำตื้น ๆ ด้านหน้าของชั้น 1 ติดตั้งประตูกระจกใสบานใหญ่ที่มองเห็นทะเลสาบได้บรรยากาศแบบรีสอร์ทที่นำมาเก็บเอาไว้ในบ้าน

ก่อนทำการปรับปรุง ทีมงานทำการสำรวจและประเมินสภาพภายในบ้านก่อน ซึ่งก็เหมือนกับบ้านทาวน์เฮาส์เก่าในเมืองอีกมากมายที่มีบันไดแคบ หน้าต่างมืดบานเล็ก ไม่มีการเชื่อมต่อระหว่างภายในและภายนอกชั้นบนและชั้นล่าง พื้นที่ปิดด้วยผนังที่อยู่ติด ๆ กันทำให้ไม่ค่อยมีช่องทางรับแสงและรับลม สถาปนิกจึงแก้ปัญหาด้วยการรื้อผนังที่ไม่ได้รับน้ำหนักออกขยายพื้นที่ใช้งานแนวนอนให้เชื่อมต่อกันเป็นโถงขนาดใหญ่ โดยมีสกายไลท์ 2 จุดถูกจัดไว้ที่สวนหลังบ้านและบริเวณขั้นบันได รวมกับสวนหน้าบ้าน ช่วยให้งานได้รับแสงและลมเพียงพอ

พื้นเพดานถูกเจาะออกบางส่วนเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 สถาปนิกได้ออกแบบห้องโถงใหญ่ให้ตรงกับห้องนั่งเล่น โดยติดตั้งตาข่ายเชือกใยยักษ์เพื่อเพิ่มความบันเทิงและเพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน ช่วงว่างกลางบ้านนี้ยังทำหน้าที่เป็นพื้นที่รับแสงบริเวณชั้น 1 ตรงกลางอีกด้วย ที่นี่ยังเป็นที่ถ่ายเทรับลมเย็นเป็นที่ปฏิสัมพันธ์กันได้แม้จะยืนอยู่คนละชั้นกัน ในส่วนของฟังก์ชัน จะมีห้องนอนแขกตั้งอยู่ที่ชั้น 1 พร้อมโต๊ะพูลเป็นพื้นที่เล่นสำหรับครอบครัวและเพื่อนฝูง ส่วนพื้นที่ใช้ชีวิตประจำวันจะถูกยกขึ้นไปอยู่ชั้น 2 เพื่อความเป็นส่วนตัวและเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยจากถนนด้วย

พื้นที่ชั้นสองทีมสถาปนิกได้สร้างการเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ 3 ส่วน ได้แก่ ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น และห้องครัวในห้องเดียว การรวมฟังก์ชันเหล่านี้ไว้ในห้องส่วนกลาง สร้างชีวิตที่ไร้รอยต่อให้เจ้าของได้เพลิดเพลินกับพื้นที่ใช้สอยที่สะดวกสบาย ดูอีกมุมก็เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นของครอบครัว ที่มีพื้นที่เปิดโล่งให้สมาชิกสามารถสังสรรค์ในขณะที่อ่านหนังสือ เล่นชิงช้า รับประทานอาหารหรือเตรียมอาหารเย็นได้พร้อมๆ กัน

เราจะเห็นว่าประตู หน้าต่าง รวมไปถึงผนังมีส่วนมุมที่โค้งมน ซึ่งการออกแบบส่วนโค้งในบ้านสร้างความรู้สึกว่าไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างผนังและเพดาน ทำให้พื้นที่ดูโปร่งและโล่งมากขึ้น ส่วนประตูหน้าต่างมุมมนก็ลดความรู้สึกแข็งกระด้างของเส้นตรงและมุมเหลี่ยมแหลมคมให้ความอบอุ่นเป็นมิตร

สถาปนิกใช้หินธรรมชาติสำหรับตกแต่งผนังอาคารหลายๆ จุด อย่างห้องเล่นเกมส์ชั้นล่างและห้องนอน การใช้หินกาบตกแต่งผนังไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงามเท่านั้น แต่สีของวัสดุแทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป ข้อได้เปรียบนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความตั้งใจของสถาปนิกมุ่งไปที่สิ่งที่เป็นธรรมชาติที่สุด