ทาวน์เฮาส์ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ

จากสถิติในนครโฮจิมินห์ในปี 2563 ทาวน์เฮาส์มีสัดส่วนมากกว่า 88% ของบ้านทั้งหมด 1.92 ล้านหลัง ในขณะเดียวกันก็มีความต้องการร้านค้าและห้องพักให้เช่าที่สูงขึ้น และพื้นที่ใช้งานเหล่านี้ไม่ว่ารูปแบบใดก็ควรต้องมีบรรยากาศของธรรมชาติแทรกตัวอยู่ ปัจจัยเหล่านี้นำไปสู่ความนิยมและความแพร่หลายของบ้านในเมืองแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ หนึ่งในโครงการในนครโฮจิมินห์ชื่อ Tree House ซึ่งสถาปนิกได้ออกแบบทาวน์เฮาส์ที่ตอบสนองความต้องการทั้งที่อยู่อาศัย ความต้องการเชิงพาณิชย์ของอสังหาริมทรัพย์ พร้อมใส่ลักษณะเฉพาะที่ตอบสนองต่อบริบทและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยที่เน้นความรู้สึกได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติไปพร้อมกัน

ออกแบบ : ROOM+ Design & Build
ภาพถ่าย : Sonmeo Nguyen Art Studio
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

Tree House เป็นทาวน์เฮาส์ 6 ชั้น พื้นที่ 80 ตร.ม. บนถนนสายหลักในเขต Binh Thanh เมืองโฮจิมินห์ ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงพื้นที่ส่วนกลางและส่วนบริการ พื้นที่เชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก และห้องสตูดิโอให้เช่าตกแต่งพร้อมอยู่ 6 ห้อง อยู่ในชั้นล่าง 3 ห้อง โดยมีที่อยู่อาศัยของเจ้าของบ้านตั้งอยู่บนสองชั้นบนสุด มีห้องนอน 2 ห้อง ระเบียง และเฉลียงกว้างขวาง ด้านหน้าใส่ระยะถอยห่าง 3 ม. สร้างกันชนก่อนเข้าบ้าน และที่จอดรถด้านหลังจัดชิดลานโล่ง

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

สำหรับแนวคิดในการออกแบบ สถาปนิกเห็นว่า “บ้านถือเป็นระบบนิเวศอินทรีย์” อย่างหนึ่ง แนวคิดนี้จึงผสานรวมเข้ากับการออกแบบอย่างชาญฉลาด ตั้งแต่รากฐานอาคารไปจนถึงระเบียง และองค์ประกอบการออกแบบด้านหน้าอาคารจึง โดยแทนส่วนรากของต้นไม้เป็นฐานเสาเข็มลงเสาเข็มลึก 25 เมตร ให้โครงสร้างที่มั่นคงของอาคาร, โคนต้นเป็นพื้นที่ให้เช่า ร้านค้า และทางเข้าหลัก, ลำต้นประกอบด้วยห้องเช่าที่มีระเบียงดอกไม้คล้ายกิ่งไม้, เรือนยอดเป็นซุ้มต้นไม้ในบ้าน ในรูปแบบของไม้เลื้อยผสมผสานกับสวนสูง 2 ชั้น ที่เป็นจุดโฟกัสของรูปแบบสถาปัตยกรรมโดยรวม

ส่วนหน้าอาคารประกอบด้วยผนังแผ่นเหล็กพับซิกแซกสีทรายล้างน้ำตาลอ่อนๆ ซึ่งช่วยสะท้อนเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเสียงรบกวนจากถนนที่วุ่นวาย และยังสัมพันธ์กับ texture และสีเปลือกไม้ด้วย ให้ความรู้สึกว่าบ้านนี้คือต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งเหมือนชื่อของบ้าน

ช่องว่างหน้าบ้านและหลังบ้านช่วยให้ห้องโปร่งโล่งรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ทีมสถาปนิกใช้วัสดุที่ดิบและเป็นธรรมชาติ เช่น เพดานคอนกรีต พื้นหินเจียร กลมกลืนกับเฟอร์นิเจอร์ไม้และผนังกระจก ในส่วนชั้นล่างที่เป็นห้องกระจกมองเห็นได้ชัดจากถนนก็สามารถเช่าทำโชว์รูมหรือร้านค้าได้

ห้องชุดให้เช่าทั้งหมด 4 ห้อง ตั้งอยู่บนชั้น 2-3 ของโครงการ แบ่งชั้นละ 2 ห้องมีโถงบันไดและ Lobby คั่นกลาง การออกแบบเน้นที่ความเรียบง่ายโนโทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติ เช่น สีฟ้า สีเขียว น้ำตาล ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกในตัวครบครันทั้งเตียงนอน ครัว ห้องน้ำ มุมนั่งเล่น มุมทำงาน เพื่อให้การอยู่อาศัยสบายและความเป็นส่วนตัวของผู้เช่า ห้องได้รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่ และมีพื้นที่ธรรมชาติเป็นของตัวเองตรงระเบียง เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมและธรรมชาติที่ช่วยฟื้นฟูรูปแบบของบ้านในเมืองแบบผสมผสานของเวียดนามได้เป็นอย่างดี

สำหรับพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของอาคารจะอยู่ที่ชั้น 5-6 โดยในชั้น 5 จะเป็นห้องนอน แบ่งเป็นห้องนอนใหญ่ด้านหนึ่ง ด้านหลังเป็นห้องนอนเด็กที่ทำระเบียงจัดสวนเอาไว้ด้วย ส่วนชั้นถัดไปจะเป็นโซน living มีห้องนั่งเล่นติดเฉลียงขนาดใหญ่ ห้องครัว ห้องทานข้าวที่เป็นสัดส่วนโปร่งโล่ง มีผนังกระจกรับวิวได้ทั้งสองด้าน

บริเวณโถงทางเดินก่อนไปพื้นที่นั่งเล่นมีตู้ไม้และชั้นบิลท์อินสำหรับจัดแสดงรถของเล่นเด็กของเจ้าของด้วย

ห้องนั่งเล่นแทนที่จะใช้โซฟา สถาปนิกออกแบบแท่นไม้สำหรับนั่งล่นเรียงรอบกรอบห้องเป็นรูปตัว U ทำให้ใช้งานได้มากและหลากหลาย บางส่วนลดระดับลงกลายเป็นขั้นบันได บางจุดใส่ฟังก์ชันตู้เก็บของ ชั้นวาง ทำให้บ้านเป็นระเบียงเรียบร้อย ส่วนนี้จะมีประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่เชื่อมต่อเฉลียงหน้ากว้างเปิดรับแสงแดดธรรมชาติเข้าสู่ห้องนั่งเล่นได้เท่าที่ต้องการ

พื้นที่ภูมิทัศน์ที่หลากหลายวางอยู่ทั่วด้านหน้าอาคารในรูปแบบของกระถางต้นไม้และระเบียง ชั้นบนสุดทั้งสองด้านมีสวนไม้ใบและซุ้มไม้เลื้อยที่ปกคลุมด้วยเถาวัลย์ ซึ่งช่วยลดแสงแดดโดยตรง จากห้องนั่งเล่นมีบันไดวนจะนำไปสู่สวนลับบนชั้นดาดฟ้า ที่สามารถรองรับงานปาร์ตี้บาร์บีคิวกับเพื่อนฝูงได้ พร้อมทิวทัศน์พาโนรามาของเมือง สร้างความเชื่อมโยงระหว่างสถาปัตยกรรม ธรรมชาติ และเมืองที่มีชีวิตชีวา

ในโครงการบ้านต้นไม้นี้ ผู้เช่าอพาร์ทเมนท์และร้านค้านำรายได้ที่มั่นคงมาสู่เจ้าของ ในขณะเดียวกันเจ้าของก็ดูแลพื้นที่ส่วนกลาง รับรองความปลอดภัยและความมั่นคง ให้ผู้เช่าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขภายใต้หลังคาเดียวกัน แต่ละคนมีอิสระและความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ใช้สอยที่ผ่อนคลายของตนเอง สร้างชุมชนที่ใกล้ชิดและเกื้อกูลกันเป็นระบบนิเวศอินทรีย์ที่หลากหลายและกลมกลืนในธรรมชาติอย่างที่ต้องการ