รีโนเวทและตกแต่งโฮมออฟฟิศ

ถ้าในบ้านมีสวนเล็กๆ ในเขตเมือง ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วเห็นแสงแดดสาดส่องเข้ามาอาบไล้ในสวน ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีสดชื่น เพียงแค่คิดก็รู้สึกถึงความพิเศษมากกว่าบ้านที่มีแต่ตัวอาคารก่ออิฐฉาบเรียบๆ แข็งกระด้าง ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้กล่าวถึงความสำคัญของพืชต่อสภาพแวดล้อม ว่าธรรมชาติไม่เพียงแต่ช่วยสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่มีชีวิตชีวาเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อสุขภาพจิตที่ดีขึ้นในการทำงานด้วย แนวคิดที่ว่าจึงเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการรีโนเวทบ้านนี้ ซึ่งเจ้าของต้อง work from home ทีมงานออกแบบเห็นว่าภายในต้องโปร่งสบาย มีองค์ประกอบของธรรมชาติ เพื่อช่วยให้การอยู่อาศัยไม่น่าเบื่อและยังผ่อนคลายในช่วงทำงานด้วย

ออกแบบ : Nest Space Design
ภาพถ่าย : Hey!Cheese
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

NestSpace Design ได้ลงมือออกแบบปรับปรุงอพาร์ทเมนต์เก่าพื้นที่กว่า 141 ตารางเมตร ที่เดิมทั้งดูแคบและไม่มีพื้นที่รับแสง ไม่มีพื้นที่ปลูกต้นไม้ ทำให้บ้านเป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยข้าวของไม่มีชีวิตชีวา ด้วยแรงบันดาลใจจากแนวคิดของการอาบแสงแดดอ่นๆ ในเรือนกระจกร่วมกับพืชพรรณ และเทรนด์การทำงานจากที่บ้านในยุคหลังการแพร่ระบาด NestSpace Design จึงเสนอโครงร่างบ้านใหม่ที่เบลอแบ่งเส้นแบ่งระหว่างภายในและกลางแจ้ง รื้อส่วนที่ไม่จำเป็นออกสร้างสเปซใหญ่ๆ ให้บ้านได้หายใจ พร้อมตกแต่งใหม่ทั้งหมด

Before: บ้านเดิมก่อนปรับปรุง ดูแออัดด้วยเฟอร์นิเจอร์ ตู้ โต๊ะ จนแทบไม่มีพื้นที่ว่าง ช่องแสงน้อย การใช้งานพื้นที่ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่มีความสว่างจากธรรมชาติที่เพียงพอภายใน

จากภาพแปลนบ้านก่อนและหลัง จะเห็นว่าภายในถูกรื้อผนังที่ไม่จำเป็นออกหลายด้าน เพื่อสร้างสเปซที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ตรงใจกลางบ้าน ส่วนที่เคยแยกเป็นห้องเล็กห้องน้อยและเต็มไปด้วยช่องทางเดินด้านซ้ายมือ ถูกจัดใหม่ให้รวบเข้าด้วยกันและสร้างการเชื่อมต่อง่ายๆ ผ่านประตูบานเลื่อนที่มีความลื่นไหลยืดหยุ่นขึ้น ช่องเปิดก็ถูกเพิ่มขึ้นหลายบานในหลายๆ ด้าน

เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในจะพบกับชานพักวางรองเท้าก่อนเข้าสู่พื้นที่ใช้งานหลักของบ้าน เพียงแค่มุมนี้ก็จะพบลูกเล่นของการปูพื้นด้วยกระเบื้องกราฟฟิกสีขาวดำที่ตัดกับงานไม้อบอุ่น บานตู้ข้างๆ ซ่อนฟังก์ชันที่เก็บรองเท้า กระเป๋า และเสื้อโค้ทที่มักจะหยิบจับใช้ก่อนออกบ้าน ทำให้การจัดเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อยตังแต่แรกเข้า

จากชานพักจะมีสเต็ปหุ้มด้วยไม้เล่นระดับพื้นที่บ้านให้สูงขึ้น เดินต่อเนื่องขึ้นไปจะเป็นเรือนกระจกทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เดิมเคยเป็นระเบียงแต่ทีมงานปรับมาใส่หลังคาโปร่งแสง บิลท์ม้านั่งยาวและวางกระถางต้นไม้ไว้รอบๆ ให้เจ้าของบ้านออกมานั่งเล่นพักผ่อน ทานอาหารว่าง หรือออกมาเปลี่ยนบรรยากาศนั่งทำงานในบรรยากาศกลางแจ้งจำลองตรงจุดนี้ ครอบครัวจะอยู่กับต้นไม้และปล่อยให้ธรรมชาติหล่อเลี้ยงเด็กๆ แม้จะอยู่อพาร์ทเมนท์ก็ยังได้สัมผัสดิน เติบโตด้วยความเขียวขจีที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกฤดูเช่นเดียวกับต้นไม้ที่โตข้างนอก

มุมนั่งเล่นหลังคาโปร่งแสงจำลองพื้นที่กลางแจ้ง

ทีมงานยังเพิ่มความน่าสนุกพร้อมกับประโยชน์การใช้งาน โดยใส่ฟังก์ชันจัดเก็บที่ม้านั่งยาวเมื่อเปิดฝาไม้ขึ้นก็เก็บของในนั้นได้ ไม่ต้องเปลืองพื้นที่สำหรับวางตู้เก็บของเหมือนบ้านเก่าอีกต่อไป

ถัดจากมุมนั่งเล่น (เสมือน) กลางแจ้งนี้จะมีประตูกระจกบานเลื่อนซ้อน 3 บาน สามารถปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวในกรณีที่มีลูกค้าแวะมาหรือประชุม และเปิดเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ห้องนั่งเล่นทำให้บ้านขยายออกไปกว้างๆ

นอกจากจัดเลย์เอาต์ใหม่เป็นแบบ open plan ในส่วนใช้งานส่วนกลาง อย่างห้องนั่งเล่น ทานข้าว และครัว เพื่อปรับปรุงการรับแสงแดดและทำให้บ้านมีสเปซกว้างขึ้นแล้ว ผังบ้านที่ดีจะสอดคล้องกับความคาดหวังในการใช้งาน พื้นที่ไหนใช้งานมากจะค่อนข้างใหญ่ พื้นที่ไหนใช้งานน้อยก็ลดขนาดลง ขั้นตอนต่อไปคือการใส่ความต่อเนื่องลื่นไหลโดยใช้เส้นแบ่งสายตาที่มองไม่เห็น เพื่อให้บ้านดูมีสัดส่วนโดยไม่รู้สึกว่าบ้านแคบ โดยเส้นแบ่งที่ว่านี้ผู้ออกแบบใช้ประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ และเสาปูนทาสีแทนผนังในพื้นที่ส่วนกลาง แทนการก่อผนังปิดทึบแล้วใส่ประตูเล็ก ๆ เหมือนบ้านทั่วไป

ในส่วนกลางของบ้านที่เห็นองค์ประกอบหลัก ๆ เหมือนบ้านอื่นทั่วไป จริงๆ แล้วซ่อนพื้นที่โฮมออฟฟิศเอาไว้ อาทิ โต๊ะทำงานเล็ก ๆ (หลังโซฟา) โต๊ะประชุม (โต๊ะอาหาร) สร้างมุมทำงานที่ดูผ่อนคลายอิสระและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเจ้าของบ้านชอบมากกว่าการแบ่งเป็นห้องทำงานแยกออกไปต่างห่าก

พื้นที่อื่นๆ ของบ้านจะใช้สีขาว เทา ตัดด้วยงานไม้ที่ให้ Mood&Tone แบบสงบอบอุ่น แต่ในส่วนห้องครัวจะใช้โทนสีเข้มเพราะสีเข้มจะทำให้เกิดมิติทางสายตา ใส่กรอบพื้นที่ตรงนี้ให้ลึกและชัดขึ้น และแยกส่วนงานออกจากโฮมออฟฟิศให้ชัดเจน

สำหรับฟังก์ชันใช้งานอื่นๆ อย่าง ห้องเด็กเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ จะเรียงอยู่รอบๆ พื้นที่ open plan และเลือกใช้ประตูกระจกลอนบ้าง ประตูทึบบ้าง เพื่อบ่งบอกถึงระดับความเป็นส่วนตัว แต่เกือบทั้งหมดเป็นประตูบานเลื่อนที่ใช้งานได้ง่าย และยังประหยัดพื้นที่ด้านหน้าและหลังประตู เพราะไม่ต้องเว้นระยะพื้นที่สำหรับดึงหรือผลักประตู