บ้านพักตากอากาศสไตล์โมเดิร์น

งานสถาปัตยกรรมแทบทุกชิ้น จะมีแรงบันดาลใจซ่อนอยู่ในตัวเองเสมอ ซึ่งที่มาของแนวคิดก็อาจจะมาจากหลายแหล่งต่าง ๆ กัน บางคนอาจมาจากความทรงจำวัยเด็ก บางคนก็ใช้สิ่งแวดล้อมมาเป็นตัวตั้ง สำหรับโปรเจ็คนี้จะนำเสนอภาพบรรยากาศยุคเหมืองแร่ของ Minas Gerais (1 ใน 26 รัฐของบราซิล) โดยกลุ่มสถาปนิกพยายามจัดแนวแนวคิดของการใช้ชีวิตร่วมสมัยที่สะดวกสบายเรียบง่าย ให้สอดคล้องกับรากเหง้าทางวัฒนธรรม

ออกแบบ : Studio 126 Arquitetura
ภาพถ่าย : Estudio NY18, Daniel Mansur
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

อาคารออกแบบให้มีชั้นเดียวขนาดพื้นที่ 137 ตารางเมตร ด้วยลักษณะไซต์ที่เป็นเนินไม่ราบเรียบ จึงใช้วิธีการยกอาคารวางบนโครงสร้างสูงเหนือพื้น ทำให้การก่อสร้างไม่กระทบกับสิ่งมีชีวิตบริเวณพื้นผิวดิน นอกจากนี้ตัวอาคารยังไม่ได้รับผลกระทบจากความชื้น มีลมไหลผ่านข้างใต้ให้บ้านเย็นสบาย ทางเข้าหลักจะผ่านชานกว้างๆ ซึ่งเป็นพื้นที่กลางแจ้งให้สร้างบรรยากาศให้กับสิ่งแวดล้อม

หน้าบ้านโชว์งานประติมากรรมที่แกะสลักด้วยหินสบู่โดยศิลปิน Ronnie Ryba ซึ่งเป็นการตีความ MODULOR (มาตราส่วนของสัดส่วนที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศสชื่อ Le Corbusi) ในแบบของตัวเอง เชิญให้ผู้มาเยือน ” ดำดิ่ง” สู่จักรวาลของผู้ได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ของพื้นที่นี้คือ OSMAR PUPERI ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองและผู้สนับสนุนในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและศิลปะในเมือง Ouro Preto และ Mariana

ภายในอาคารเป็นห้องโล่ง ๆ เรียงยาวหน้ากระดานแบบไม่มีผนังกั้น มีมุมนั่งเล่นส่วนตัวโดดเด่นกับชุดเฟอร์นิเจอร์ zanini by zanini ต้อนรับอยู่ข้างเตาผิงในเลานจ์ ถัดไปเป็นชุดโซฟาสีครีมตัวยาวโค้ง เพิ่มเสน่ห์ให้กับการตกแต่งภายในแบบโมเดิร์นมินิมอล ลดความรู้สึกแข็งกระด้างของตัวอาคารที่เป็นทรงกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เต็มไปด้วยมุมฉากได้อย่างละมุน เป็นพื้นที่พักผ่อนและเริ่มต้นการสนทนาระหว่างวันท่ามกลางความรื่นรมย์

สถาปนิกเบลอขอบเขตระหว่างภายในรวมเข้ากับภายนอกทั้งหมด ด้วยการใช้วัดสุกระจกใสมาเป็นตัวช่วย สร้างสภาพแวดล้อมที่หรูหราและเรียบง่ายปกคลุมด้วยแสงธรรมชาติและโต้ตอบสวนที่จัดเอาไว้ได้ทุกมุมมอง ในช่วงที่แสงแดดแรงก็สามารถขยับฟาซาดไม้ที่เลื่อนไปมาได้ เพื่อช่วยกั้นกรองแสง นอกจากการเบลอขอบเขตภายนอกภายในแล้ว จุดเด่นที่ต้องโฟกัสสายตาของที่นี่ คือ การรวมธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรม ด้วยการทำหลังคาล้อมต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่มาก่อนเอาไว้ ให้ต้นไม้เติบโตทะลุขึ้นไปเป็นหนึ่งเดียวกับอาคาร

ทีมงานเลือกใช้องค์ประกอบของวัสดุที่ดูไร้กาลเวลา เช่น หินสบู่ ไม้ และเครื่องหนัง ล้อมกรอบด้วยชั้นวางไม้ขนาดใหญ่ที่บอกเล่าเรื่องราวของที่นี่ผ่านชิ้นงานที่จัดแสดงเป็นงานศิลปะชิ้นเล็ก ๆ ที่ขุดได้ในช่วงชีวิตของคุณโอมาร์ ซึ่งเปี่ยมด้วยคุณค่าทางจิตใจ

หลังจากดื่มด่ำกับเรื่องราวของเหมืองและการทำเหมืองแล้ว ก็มาสุนทรีกันต่อกับห้องน้ำที่หันไปทางทิวเขา Serra do Curral ซึ่งตรงจุดนี้จะน่าตื่นตาด้วยมิติของแสงเงาที่ส่องสอดบานเฟี้ยมไม้ลายตารางลงมาตกกระทบพื้นที่ภายใน ตามการเคลื่อนไหวของแสงและเงา ที่นี่จะมีฝักบัวอาบน้ำที่พันด้วยต้นไม้พื้นเมืองมอบประสบการณ์การอาบน้ำที่แตกต่างออกไปและส่วนของสปา

ในสปาจะมีอ่างอาบน้ำ BATEIA ซึ่งมีรูปทรงเหมือนอุปกรณ์ที่เคยใช้ในการทำเหมืองสร้างจุดโฟกัสทางสายตา เป็นตัวเอกของโปรเจ็คที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับทีมงานในการนำไปตั้งชื่อโครงการ ตัวอ่างแกะสลักด้วยหินสบู่ลักษณะเหมือนโผล่ขึ้นจากพื้นดิน เหนืออ่างมี skylight สรรค์สร้างบรรยากาศแบบกลางแจ้ง ทำให้อาคารนี้เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการหลีกหนีจากชีวิตในเมืองอย่างแท้จริง คนที่มาเยือนจะได้หยุดพักหายใจช้าๆ และเพลิดเพลินกับทุกสิ่งรอบตัวได้เต็มพิกัด