โต๊ะยืนทำงาน | Standing Desk

“ออฟฟิศซินโดรม” (Office syndrome) อาการสุดฮิตติดเทรน์ของหนุ่มสาวชาวออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน โดยไม่รู้ตัวว่าท่าทางการนั่งไม่เหมาะสม บ้างก็นั่งแอ่นหลัง บ้างก็นั่งก้มหลังค่อมงอ สอดคล้องกับข้อมูลจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่พบว่า แต่ละปีมีผู้ป่วยที่เข้ารับการทำกายภาพบำบัดกว่า 60% ของผู้ป่วยทั้งหมด มาด้วยอาการออฟฟิศซินโดรมที่มีสาเหตุมาจากการนั่งทำงานเป็นระยะเวลานานๆ

อาการเจ็บปวดของออฟฟิศซินโดรม เกิดได้ทั้งข้อมือ คอ หลัง ไหล่ บ่าและสะโพก สาเหตุหลักจากการนั่งทำงานที่อยู่ในท่าเดิม ๆ เมื่อสะสมนานวันทำให้กล้ามเนื้อเกิดพังผืด เป็นอาการเรื้อรังยากต่อการรักษา จนต้องพักงานหรือผ่าตัดเลยทีเดียว อย่ารอให้เกิดปัญหาใหญ่ ๆ ตามมาแล้วค่อยแก้ไขกันนะครับ เนื้อหานี้ “บ้านไอเดีย” ขอแนะนำ Standing desk หรือโต๊ะยืนทำงานแบบปรับระดับได้ ที่จะเป็นตัวช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน และป้องกันการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรมได้ดีมาฝากกันครับ

สนับสนุนโดย : Standing Desk Thai

ธรรมชาติของร่างกายคนเราออกแบบให้กล้ามเนื้อและกระดูกใช้งานสำหรับการเคลื่อนไหว เมื่อไหร่ที่นั่งทำงานนานๆ จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติ อย่าง กระดูกต้นคอเสื่อม กระดูกหลังเสื่อม ปวดสะโพกจากกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท มีอาการปวดเมื่อยทรมาน เคลื่อนไหวลำบากส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน บางคนแก้ปัญหาด้วยการนวด ทำกายภาพบำบัด โยคะยืดเส้น ฉีดยาชาเฉพาะจุด แต่หลายคนอาการหนักจนต้องหยุดงาน หรือผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูร่างกายกันเลยทีเดียว การนั่งเยอะเกินไปจึงไม่เกิดผลดีต่อสุขภาพเลยนะครับ

สัญญาณอันตรายเตือน “ออฟฟิศซินโดรม”

1. ปวดศีรษะ หรือปวดหัวไมเกรน สายตาพร่ามัว เกิดจากการใช้สายตาจ้องคอมพิวเตอร์ หรือทำงานโดยไม่ได้พักสายตา มีความเครียดสะสม พักผ่อนไม่เพียงพอ

2. มือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อค เป็นอาการที่มากับการใช้งานเมาส์คู่กับคอมพิวเตอร์นานเกินไป การเกร็งนิ้วมือขณะพิมพ์งาน ลักษณะการวางข้อมือบนคอมพิวเตอร์ อาจทำให้กล้ามเนื้อกดทับประสาท เส้นเอ็นอักเสบ หรือเกิดพังผืดบริเวณนิ้วและมือ

3. อาการปวดตึงที่คอ บ่า ไหล่ หลัง หรือสะโพก อาจเริ่มปวดเมื่อยธรรมดาเมื่อนวดก็รู้สึกบรรเทา แต่ถ้าไม่ได้ลุกขึ้นขยับร่างกายนาน ๆ อาการปวดเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ฉีดยาชาเฉพาะจุดไม่หาย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากโรคหมอนรองกระดูกคอหรือหลังเสื่อม กระดูกทับเส้นประสาท

เพื่อป้องกันไม่ให้ออฟฟิศซินโดรมกลับมาอีก นักกายภาพบำบัดจึงมักจะแนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนท่าทางระหว่างการทำงาน และปรับเครื่องมือในที่ทำงานให้เหมาะสม โดยต้องเอื้อต่อการเคลื่อนไหวแบบยืดตัว เนื่องจากท่าทางการทำงานส่วนใหญ่คือการก้มทั้งหมด ซึ่งในยุโรปมีทางออกแบบง่าย ๆ อย่างที่คิดไม่ถึง คือ เมื่อนั่งนานไม่ได้ก็เปลี่ยนสลับมายืนทำงาน เป็นการสร้างสมดุลให้ร่างกายที่ได้รับการยืนยันว่าช่วยให้ทำงานสบายขึ้นจริง

โต๊ะยืนทำงาน มีข้อดีอย่างไร

1. บรรเทาอาการ Office Syndrome ไม่ว่าจะเป็นที่หลัง ไหล่ คอ หรือเอว เพราะการสลับเปลี่ยนท่าทางจะช่วยให้กล้ามเนื้อถูกใช้งาน และเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงมากขึ้น และการเรียงตัวของกระดูกสันหลังเป็นไปตามธรรมชาติ

2. ทุกครั้งที่เราขยับเปลี่ยนท่าจากการนั่งหรือการยืน จะเพิ่มการไหลเวียนเลือด เนื่องจากการนั่งนานเกินไปสามารถขัดขวางการไหลเวียนของเลือด

3. การยืนทำงานจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่และป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และในหลายๆครั้ง การยืนก็ช่วยให้เราสามารถเพ่งสมาธิในการทำงานต่อไปได้

รู้จักกับโต๊ะยืนทำงาน “Standing Desk”

การยืนทำงานนั้นมีข้อดี แต่ลองจินตนาการว่าในการที่เราจะสลับไปยืนหรือนั่งโดยยกคอมพิวเตอร์หรือจอขึ้นลงบ่อยๆ คงไม่สะดวกแน่ ๆ ทั้งน้ำหนักของคอมพิวเตอร์ สายไฟที่โยงไปโยงมา จึงมีการคิดค้นนวัตกรรมโต๊ะที่สามารถปรับระดับความสูงต่ำตามความต้องการ หรือปรับให้ลงตัวกับสรีระของผู้ใช้แต่ละคน โดยเราเรียกโต๊ะชนิดนี้ว่า โต๊ะยืนทำงาน “Standing Desk” เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ปรับเปลี่ยนอิริยาบถในการทำงานจากนั่งเป็นยืน หรือกลับจากยืนเป็นนั่งได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องยกคอมพิวเตอร์ขึ้นลงให้ยิ่งปวดหลัง

ด้วยเทคนิคง่ายๆ นี้ ทำให้บริษัทชั้นนำหลายๆ แห่งมีโต๊ะยืนทำงานให้กับพนักงานได้เลือกใช้อย่างเช่น Google, Facebook, Cisco หรือว่าในฝั่งยุโรปอย่างประเทศสวีเดน เดนมาร์ก ก็ใช้โต๊ะยืนทำงานอย่างแพร่หลายและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พิสูจน์ได้จาก Google Trends ที่วัดการค้นหา Standing desk ทั่วโลก

โต๊ะยืนทำงาน มี 4 จุดเด่น

1. ใช้งานง่ายดายไม่ต้องย้ายโต๊ะทำงานตัวเก่า เพียงแค่นำ Standing desk วางไว้บนโต๊ะทำงาน หรือบริเวณที่เราเตรียมไว้ก็สามารถยืนหรือนั่งทำงานได้เลย แถมยังมีฟังก์ชั่นสำหรับการวางไอแพดและโทรศัพท์ด้วย

2. ตัวโต๊ะมีการออกแบบให้วางจอมอนิเตอร์ เมาส์ คีย์บอร์ดได้อย่างถูกหลักสรีรศาสตร์ สามารถปรับสูงต่ำได้ถึง 12 ระดับ จึงปรับยกจอให้อยู่ในระดับสายตาได้ไม่ว่าผู้ใช้จะนั่งหรือยืนอยู่ ส่วนคีย์บอร์ดก็วางให้อยู่ระดับที่เหมาะสมได้ตามความสูงของผู้ใช้ และสามารถรับน้ำหนักได้ค่อนข้างมากสูงสุดถึง 15 กิโลกรัม วางจอคอมพิวเตอร์ขนาด 24 นิ้วได้พร้อมกัน 2 ตัว

3. ที่จับระบบสปริงแก๊ส Air power system เมื่อจับทั้งสองด้านบีบพร้อมกันจะเป็นตัวปลดล๊อคเพื่อให้โช๊คแก๊สทำงาน ช่วยทุ่นแรงทำให้สามารถปรับระดับความสูงของโต๊ะได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว ปรับยืนหรือนั่งได้ภายใน 3 วินาที เราจึงสามารถโฟกัสไปที่การทำงานต่อได้อย่างทันที

4. โครงสร้างที่เป็นเหล็กและมีฐานรับน้ำหนัก 3 ทิศทาง ด้านข้าวไขว้เป็นรูปตัว x น้ำหนักโต๊ะ 20-24 กิโลกรัม จึงทำให้ตัวโต๊ะมีความมั่นคง ไม่สั่น แม้ว่าจะพิมพ์กดคีย์บอร์ดแรง โต๊ะขยับขึ้นหรือลงในแนวตั้งตรง ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องขยับเดินหน้าหรือถอยหลังเมื่อปรับเปลี่ยนอิริยาบถ

ใช้งานง่ายเพียงนำไปวางบนโต๊ะทำงานเดิมไม่ต้องยกย้ายโต๊ะเก่าออก

ปรับความสูงโต๊ะให้พอดีกับระดับสายตาเลือกได้ถึง 12 ระดับ

ภาพแสดงการปรับระดับของโต๊ะยืนทำงานด้วยระบบ Air power system

Standing Desk จะใช้ได้ผลดีที่สุดคือ ต้องกำหนดเวลาการยืนและนั่งสลับกันไป และเราก็ต้องปฏิบัติตามอย่างมีวินัย เพื่อให้ร่างกายของเราไม่ล้าจากการยืนและเมื่อยจากการนั่งนานจนเกินไป ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากออฟฟิศซินโดรมได้มากทีเดียวครับ เมื่อมีตัวช่วยดี ๆ มาแล้ว อย่าลืมสำรวจร่างกาย พักสายตาระหว่างทำงาน เดินคลายกล้ามเนื้อ ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพดี ๆ ที่จะอยู่กับเราไปนาน ๆ ครับ

หากผู้อ่านสนใจอยากมีโต๊ะยืนทำงาน หรืออยากพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับโต๊ะยืนทำงาน สามารถติดต่อ Standing Desk Thailand ได้หลากหลายช่องทางตามรายละเอียดติดต่อข้างล่างนี้เลยครับ