สร้างบ้านเชื่อมโยงธรรมชาติ
เพราะมนุษย์รู้ว่าการได้อยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาตินั้น เสมือนได้รับการแบ่งปันพลังงานที่ทำให้ความเหนื่อยล้า ความอ่อนแรงหายไปได้อย่างน่าประหลาด จึงไม่แปลกใจที่ใครมีโอกาสเป็นเจ้าของบ้านวิวธรรมชาติห้อมล้อมด้วยกลิ่นสดชื่นของผืนป่าและไอเย็นของสายน้ำจะรีบจับจองเป็นเจ้าของทันที สำหรับพื้นที่ธรรมชาติใกล้กรุงเทพฯ ที่ยังมีจุด unseen ซ่อนอยู่มากมายทั้งป่า ภูเขา น้ำตก ต้องมี “นครนายก” เป็นหนึ่งในนั้น เพียงขับรถชั่วโมงนิด ๆ ก็ได้ฟินกับภูมิทัศน์สีเขียวสุดลูกหูลูกตา นอกจากสถานที่ธรรมชาติแล้ว ยังมีโครงการบ้านหลังหนึ่งที่ซุกตัวอยู่ใจกลางหุบเขา ในสนามกอล์ฟ Royal Hills ที่เจ้าของตั้งใจใช้เป็นบ้านสำหรับพักผ่อน จึงวางแนวคิดในการเปิดในทุกมิติของบ้าน เพื่อดึงธรรมชาติให้เข้ามามีส่วนร่วมกับบ้านได้มากที่สุด
ออกแบบ : Pongpat Architect
ภาพถ่าย : Rungkit Charoenwat
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
The Hill Residence คือชื่อของบ้านหลังนี้ที่ตั้งอยู่บนแปลงนี้ตั้งอยู่กลางหุบเขา ใกล้แนวเขตอุทยานเขาใหญ่ ที่ซึ่งมีทิวเขารายล้อมอยู่รอบด้าน นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นตรงที่ไซต์นี้มี Lake View ขนาดใหญ่ด้านหลัง เจ้าของบ้านจึงต้องการให้บ้านหลังนี้ใช้ประโยชน์จากบริบทแวดล้อมได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแสง แดด ลม และวิว สถาปนิกต้องทำการจัดวางตำแหน่งช่องแสงช่องลม และใส่องค์ประกอบต่าง ๆ ของบ้านอย่างพิถีพิถัน เพื่อการเปิดมุมมองในมิติทางสายตาและมิติของการใช้พื้นที่ที่สะดวกและสบายทั้งภายนอกภายใน
เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นว่าบ้านเป็นเหมือนกล่องสี่เหลี่ยม แต่ถ้าเปลี่ยนมุมมองของบ้านไปดูจากด้านบน จะเห็นว่าบ้านไม่ได้มีหลังคาคลุมทั้งหมด แต่จะเว้นช่วงตรงกลางเจาะเป็นคอร์ทยาร์ดตรงกลาง บ้านจึงมีรูปร่างเป็นตัว U ล้อมสวนอยู่
จากโจทย์หลักของบ้าน สถาปนิกเริ่มต้นสร้างความเชื่อมต่อกับบริบทที่เต็มได้ด้วยต้นไม้ หิน และน้ำ ด้วยวิธีการแสดงออกที่ได้ง่ายที่สุด คือ การเลือกวัสดุในการสร้างและตกแต่งบ้านที่มีจุดร่วมเข้ากันได้ ดูเป็นธรรมชาติหรือมาจากธรรมชาติ อาทิ การปูสเต็ปทางเดินด้วยกระเบื้องลายหิน เสาส่วนเฉลียงและฝ้าชายคาตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้ แค่สองวัสดุก็รู้สึกถึงความกลมกลืนระหว่างตัวบ้านกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างไหลลื่น
อีกหนึ่งองค์ประกอบหลักเป็นพื้นที่ semi outdoor ที่ใช้นั่งเล่นกินลมชมวิว และยังทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่าง inside-outside คือ Terrace หรือเฉลียงที่ยื่นยาวตลอดแนวอาคารทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน เมื่อเปิดประตูบานเลื่อนกระจกบานใหญ่ออกขอบเขตของบ้านก็หายไป ช่วยดึงสมาชิกให้ออกมาใช้ชีวิตสัมผัสกับธรรมชาติบริบทรอบ ๆ บ้านด้ง่ายและใกล้ชิดขึ้น ชายคาที่ยื่นปกคลุม Terrace ช่วยบังแดดโดยทางอ้อมลดทอนความรุนแรงจากแสงแดด ให้บ้านยังคงได้รับแสงสว่างในขณะที่ไม่รู้สึกร้อนมากเกินไป
จากห้องนั่งเล่นติดเฉลียงที่โดดเด่นด้วยโซฟาหลังสีน้ำตาลและพรมลายกราฟฟิกเท่ ๆ เลี้ยวมายังอีกปีกของบ้านจะเป็นครัว ห้องทานอาหาร และห้องนั่งเล่น ซึ่งจะตกแต่งต่างออกไปในโทนสีขาว ลายหินอ่อนสีดำ และงานไม้ ซึ่งจะมีผนังกระจกล้อมรอบทั้งส่วนที่มองออกไปนอกบ้าน และส่วนที่หันหน้าเข้าหาคอร์ทยาร์ด
ไม่เพียงแต่มีการใส่ช่องเปิดเป็นประตูบานเลื่อนกระจกรอบตัวบ้านเพื่อ Take วิวธรรมชาติรอบนอกตัวบ้านเท่านั้น สถาปนิกยังยกระดับความใกล้ชิดระหว่างคน บ้าน และธรรมชาติ ด้วยการเจาะช่องว่างเปิดออกสู่ท้องฟ้าทำเป็นคอร์ทยาร์ดปลูกต้นชุมแสงไม้ฟอร์มสวยเด่นอยู่ระหว่างอาคาร ทำให้บ้านเหมือนถูกโอบล้อมจากธรรมชาติในทุกจังหวะของชีวิต ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนก็สามารถมีส่วนร่วมและสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ในทุกวันและทุกฤดู
เคาน์เตอร์ครัวขนาดกะทัดรัด ออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่เรียบคมชัดด้วยโทนสีเข้ม วัสดุกระเบื้องพื้นลายหินอ่อนริ้วสีเทา ตัดกับวัสดุที่ห่อหุ้มเสาและผนังที่เป็นลายไม้ ที่ตั้งใจจับคู่มาให้ความรู้สึกของบ้านต่อเนื่องกลมกลืนไปกับบริบทธรรมชาติภายนอก ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความหรูหราทันสมัย ยิ่งช่วงค่ำมาเยือนจะเห็นความพิเศษกับแสงไฟที่ส่องสะท้อนจากโคมไฟแขวนดีไซน์สวย ไฟซ่อนตามจุดต่าง ๆ ที่เสริมจุดนั้น ๆ ให้เด่นออกมา
บ้านที่มีฝ้าสูงถึง 3 เมตร ผนังกระจกรอบด้าน และการจัดพื้นที่แบบเปิดทำให้ภายในบ้านเต็มไปด้วยความโปร่งโล่ง เบาลอย สบาย และลื่นไหลอย่างเป็นอิสระ
ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือแม้กระทั่งห้องน้ำ ก็มีช่องเปิดให้ชื่นชมภูมิทัศน์ภายนอกได้ ให้ทุกรูปแบบการใช้ชีวิตสัมผัสกับความเขียวขจี สายลม แสงแดด ผืนน้ำ
ในช่วงกลางวันบ้านสว่างและมีชีวิตชีวาด้วยแสงแดด มองออกไปเห็นวิวทิวทัศน์ได้ชัดเจน ส่วนในยามค่ำนั้นตัวบ้านกลับเปล่งประกายจากแสงประดิษฐ์ที่ทะลุออกมา บ้านจึงกลายเป็นเสมือนโคมดวงใหญ่ที่โดดเด่นบนสนามหญ้าเขียวๆ ทุกมิติในทุกช่วงเวลาของบ้านจึงไม่เคยขาดจากธรรมชาติ
