บ้านตึก 5 ชั้น

บ้านตึกหลายชั้น ส่วนใหญ่เรามักจะคุ้นตาในลักษณะอาคารพาณิชย์ที่อยู่ติดถนนใกล้ตลาดที่สามารถใช้เป็นพื้นที่ประกอบอบกิจการชั้นล่างได้ ดีไซน์อาจจะไม่สวยนักแต่เน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก แต่ในบ้านตึกแบบใหม่ๆ เจ้าของส่วนใหญ่ต้องการเพิ่มความสุนทรีในการอยู่อาศัยลงไปด้วย เพื่อให้เกิดความสบายตาสบายใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดี เหมือนเช่นโครงการทาวน์เฮาส์ชื่อ Space Complex Townhouse ในนครโฮจิมินห์นี้ ด้วยราคาที่ดินริมถนนที่แพงลิบลิ่ว บ้านเหล่านี้จึงต้องแบกรับภาระงานหลายอย่าง ทั้งการอยู่อาศัยและการทำธุรกิจเพื่อให้คุ้มมูลค่าที่ดิน ส่วนจะออกแบบให้แยกส่วนอยู่อาศัยอย่างไร สวยงามแค่ไหนต้องไปชมด้วยกันครับ

ออกแบบ : Story Architecture
ภาพถ่าย : Minq Bui
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

อาคาร 5 ชั้นตั้งอยู่ด้านหน้าถนน Tran Luu ที่พลุกพล่านนี้ เกิดจากความต้องการของเจ้าของบ้านที่ตั้งใจว่า อยากได้พื้นที่บ้านสำหรับจอดรถยนต์ 2 คันและมอเตอร์ไซค์หลายคัน มีทั้งพื้นที่สำนักงานให้เช่าและพื้นที่สำหรับครอบครัวใหญ่ 3 รุ่น ได้แก่ ปู่ย่า ตายาย สองสามีภรรยา และลูกเล็กอีก 3 คน ด้วยพื้นที่ทาวน์เฮาส์ขนาด 108 ตร.ม. แต่ต้องพบกับฟังก์ชันมากมาย จึงเป็นโจทย์ยากสำหรับสถาปนิกที่ต้องหาทางออกที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการใช้งานของเจ้าของบ้าน แต่ยังมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางและโปร่งสบายด้วยแสงและลมธรรมชาติที่เอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วย

เริ่มจากส่วนหน้าของบ้าน ด้วยที่ตั้งทาวน์เฮาส์บนถนนที่พลุกพล่านและเต็มไปด้วยฝุ่น สถาปนิกจึงเลือกวิธีแก้ปัญหาเป็นระบบฟาซาดเป็นระแนงบังแดดเพื่อลดแสงแดด ฝุ่น และเสียงสำหรับห้องนอนที่หันไปทางถนน ตัดแผ่นเหล็กเป็นวงกบประตู ภายนอกเหมือนภาพ 3 มิติ ด้วยรูปทรงและสัดส่วนที่คำนวณมาอย่างดี ยังเพิ่มความสวยงามให้บ้านมีกรอบที่น่าสนใจแตกต่างกันไปในแต่ละชั้น

วิธีแก้ปัญหาการจัดฟังก์ชันภายใน ให้สามารถแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้ลงตัว ทำโดยการแบ่งบันไดออกเป็นสองส่วน บันไดส่วนแรกของชั้น 1 และชั้น 2 ซึ่งจะถูกจัดไว้ทางทิศตะวันตก ด้านในสุดหลังบ้านเพื่อให้พื้นที่ล่างมีสเปซว่างด้านหน้าให้มากที่สุด โดยชั้นล่างสุดจะเป็นพื้นที่จอดรถขนาดใหญ่ข้างหน้า ลึกเข้ามาจะมีลักษณะพื้นไล่สเต็ปเหมือนบันได มีอ่างล้างมือล้างหน้าให้สะอาดก่อน และที่พิเศษคือ มีสวนน้ำเล็กๆ และการเจาะพื้นที่โถงสูงให้ปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นส่วนหนึ่งในตัวอาคาร ทำให้เห็นว่าบ้านตึกก็ไม่ขาดพื้นที่ธรรมชาติ

ที่ชั้น 2 เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ทำเป็นออฟฟิศให้เช่า ออกแบบให้บันไดของชั้นนี้รวมกับห้องโถงด้านหลังบ้านที่ติดกระจกเป็นพื้นที่กว้าง สร้างช่องแสงขนาดใหญ่เพื่อช่วยให้บ้านได้รับแสงจากด้านหลัง ในบริเวณที่ติดกระจกจะมีเหล็กดัดลายกราฟฟิกซ้อนอยู่ด้านในอีกชั้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ทั้งนี้ ในอาคารจะมีลิฟต์รแยกการใช้งานแต่ละชั้นให้ด้วย

พื้นที่ชั้น 3, 4 จะเป็นส่วนของบ้านให้ใช้ชีวิตส่วนตัว ชั้น 3 ประกอบด้วย แพนทรีครัว ไอส์แลนด์ โต๊ะทานข้าว ออกแบบให้มีความต่อเนื่องทางพื้นที่และสายตา ด้วยการเจาะโถงสูงมีช่องแสง skylight ขนาดใหญ่กลางบ้านเพื่อช่วยรับแสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้านและเชื่อมต่อพื้นที่ใช้สอยให้เรียงต่อกันในห้องโถงขนาดใหญ่ การตกแต่งภายในชั้นนี้เรียบง่ายผสมผสานกับคอนกรีตและไม้ เนื่องจากเป็นบ้านหลายรุ่นหลายกลุ่มจึงจัดมุมให้มีความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ เหมาะกับรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของผู้สูงวัย อย่างเช่น การใช้เฟอร์นิเจอร์แบบร่วมสมัย เพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายและเป็นกันเอง มีแท่นบูชาให้ปู่ย่าตายายไม่ต้องย้ายขึ้นชั้นบน เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นแม้อยู่ในทาวน์เฮาส์สมัยใหม่

ในชั้นที่ 3-4 สถาปนิจะจัดบันไดไว้ตรงกลางและมีลิฟต์ที่รองรับบัตรแม่เหล็กเพื่อแยกใช้งานแต่ละชั้น ทั้งคนในครอบครัวและสำนักงานสามารถใช้ลิฟต์ได้อย่างสะดวก แต่ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยในตัว บนชั้น 4 จัดเป็นอพาร์ทเมนต์ขนาดเล็กที่มีห้องนอนสำหรับพ่อแม่ 1 ห้อง และห้องครัวขนาดใหญ่ที่สามารถจัดกิจกรรมนัดพบปะกับสมาชิกครอบครัวที่แวะมาเยี่ยมเยือนและปาร์ตี้ได้

ช่องแสงสกายไลท์ที่อยู่บนหลังคา ปล่อยให้แสงธรรมชาติส่องลงมาในตัวบ้าน ผ่านลงไปตามช่องว่างโถงสูงที่เจาะเอาไว้รับกัน ทำให้ช่วงกลางของอาคารไม่มีปัญหาการขาดแสง ช่องว่างเหล่านี้ยังช่วยให้อากาศไหลเวียนภายในได้ดี และสามารถมีปฏิสัมพันธ์มองเห็นความเคลื่อนไหวระหว่างชั้นได้หมด ในส่วนของการจัดบันไดให้มองเห็นกัน 2-3 ชั้นไม่ตรงกัทั้ง 5 ชั้นยังลดความรู้สึกน่าหวาดเสียวลงได้ด้วย

ในชั้นนี้มีเคาน์เตอร์ครัวติดผนังสำหรับใช้งานทำอาหารง่ายๆ สำหรับครอบครัวเล็ก ๆ และยังเหลือพื้นที่ว่างข้างๆ โถงสูงเป็นระเบียงทางเดิน ที่สามารถวางเปียโนตัวโปรดให้คุณแม่และเด็ ก ๆ แวะมาบรรเลงเพลงเพราะ ๆ ยามว่าง ถัดไปอีกด้านหนึ่งของบ้านจะเป็นห้องนอนของเด็ก ๆ และห้องนอนหลักของคุณพ่อคุณแม่

ห้องนอนรวมสำหรับเด็ก 2 คนได้รับการออกแบบด้วยสีสันและฟังก์ชันที่สนุกสนาน โดยสถาปนิกแบ่งพื้นที่เตียงนอนอย่างชัดเจน ทำให้มั่นใจได้ว่าเด็ก ๆ ยังคงได้รับความเป็นส่วนตัวที่จำเป็นแม้อยู่ในห้องเดียวกัน พยายามใช้พื้นที่แนวตั้งให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ด้วยการทำพื้นที่เก็บของใต้เตียง เพื่อประหยัดพื้นที่วางตู้และโต๊ะ พื้นเหนือเตียงใช้เป็นที่เล่นและมุมอ่านหนังสือของเด็กๆ แม้จะพบกับวิกฤตโรคระบาดหรือฝุ่นละอองที่ไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้งนอกบ้านก็ยังคงมีสเปซสำหรับเล่นตามวัยอยู่