เพิ่มโลกอีกใบให้อาคารเดิม เติมเต็มความสุขในชีวิต
การเลือกพื้นที่สำหรับใช้ชีวิตเพื่อทำสิ่งที่รัก บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในอาคารที่หรูหราเพียบพร้อม บางทีการได้เลือกที่ไหนสักแห่งให้แทรกตัวเข้าไปใช้ชีวิตได้อย่างสุขใจแม้จะเป็นแค่อาคารเก่า ๆ ก็กลับเป็นแรงบันดาลใจให้ชีวิตได้มากกว่า เหมือนอย่างศิลปินชาวอเมริกาคู่นี้ที่เห็นคุณค่าของโรงนาเก่าที่ตั้งอยู่ในชนบทแวดล้อมด้วยบรรยากาศท้องทุ่งตามธรรมชาติ และนำมาปรับปรุงต่อเติมขยับขยายพื้นที่ใช้สอยให้กลายเป็นบ้านที่พร้อมรองรับการใช้ชีวิตในสไตล์ที่ชอบได้มากกว่าเดิม
ออกแบบ : Mork ulnes
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
สตูดิโอทำงานศิลปะของศิลปินสุดเท่ในสหรัฐอเมริกานี้ แต่เดิมเป็นอาคารโรงนาและได้ทำการปรับปรุงต่อเติมให้กลายเป็นห้องทำงานศิลปะและออฟฟิศ หลังคาโรงนารูปร่างปีกผีเสื้อลาดเอียงจากสูงลงมาต่ำบรรจบกันสองด้าน ส่วนยอดแหลมเกิดความสูงของอาคารแบบ double height ทำให้ระบบการไหลเวียนถ่ายเทอากาศตามธรรมชาติทำได้สะดวก การเจาะช่องแสงเพิ่มเติมด้านข้างช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้านได้ทั่วถึง ลดความอึดอัดและอับชื้นในตัวบ้านได้ดี
เปลือกบ้านไม่จำเป็นต้องทำด้วยวัสดุที่ดูหรูหราจึงจะมีความเป็นพิเศษ แค่เศษไม้ดิบ ๆ หลากสีที่มีตาไม้ก็สามารถสร้างความน่าสนใจและช่วยคงกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมแบบโรงนาพื้นถิ่นเอาไว้ สถาปนิกปรับปรุงบ้านแต่เพียงเติมวัสดุที่เป็นเหล็กสีดำเข้าไปสร้างความตัดต่างและเพิ่มความแข็งแรงให้ตัวบ้านสามารถใช้งานได้ดีขึ้น
ภายในโรงนาเก่าแต่งเติมเพิ่มฟังก์ชั่นในการใช้งานให้กลายเป็นห้องรวมแรงบันดาลใจที่เต็มไปด้วยหนังสือ ภาพวาดและงานปั้น
พื้นที่ใช้ชีวิตส่วนตัวที่เพิ่มออกมาจากตัวบ้านเป็นเหมือนอุโมงค์ทางเดินทำจากคอนกรีตต่อกับโรงนาเก่าแบบไร้ตะเข็บ หน้าอาคารเป็นลานคอนกรีตต่อเนื่องออกไปยังพื้นที่สนามหญ้า สีเขียวของต้นหญ้าช่วยสร้างบรรยากาศสดชื่นให้กับบ้านสีขาวได้เป็นอย่างดี ช่วยให้การใช้ชีวิตภายใน-ภายนอกอาคารไหลลื่นไม่ติดขัด เชื้อเชิญให้สมาชิกในบ้านได้ใช้ทานอาหาร นั่งเล่นรับลม ชมบรรยากาศสบาย ๆ พร้อมจิบกาแฟหอมกรุ่น หรือนอนอาบแดดอ่อน ๆ ยามเช้าช่วงหน้าหนาวก็ให้ความสุขได้แบบไม่จำกัด
ภายในอาคารโดดเด่นที่ทางเดินดูคดเคี้ยวสร้างมิติให้กับพื้นที่ และเพดานที่ใช้ไม้สีธรรมชาติขนาดใหญ่พาดสลับเป็นรูปร่างกรรไกรดูแปลกตา
อาคารคอนกรีตนี้หลัก ๆ ใช้เป็นห้องครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร มีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า “อะมีบา” เพราะลักษณะภูมิทัศน์ที่คดเคี้ยวและมีส่วนยื่นออกมาเหมือนอะมีบาที่มีเท้าเทียมยื่นออกมาจากลำตัว ปูพื้นด้วยคอนกรีตทำให้มีทางสัญจรที่สะดวกสบาย เว้นพื้นดินบางช่วงไว้เพื่อปลูกสวนไม้ใบเขียวเข้มเป็นระยะ ๆ สร้างความสดชื่นคืนชีวิตชีวาให้ผนังและพื้นคอนกรีตได้เป็นอย่างดี ต้นไม้เหล่านี้แม้จะถูกปลูกในร่มแต่ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแสง เพราะตลอดทางเดินติดช่องแสง skylight เอาไว้ใจกลางของอาคารให้พื้นที่และต้นไม้ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ได้อย่างทั่วถึง
จากพื้นที่ครัวมาถึงส่วนรับประทานอาหารมีการเจาะเป็นช่องแสงและช่องลมเป็นระยะ เพื่อให้แสงและอากาศภายนอกหมุนเวียนเข้าสู่ตัวอาคารได้ดี และเปิดมุมมองให้บ้านเชื่อมต่อกับภายนอกได้ไม่มีสะดุด
การตกแต่งภายในเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ดิบ ๆ ไม่ตกแต่งหรือใช้สีเข้มมาก เพื่อให้สอดคล้องเข้ากับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติให้มีความกลมกลืนมากที่สุด
การเลือกใช้โรงนามาทำเป็น Art Studio และผสมผสานวัสดุที่แตกต่างอย่างไม้รีไซเคิลดิบ ๆ และคอนกรีต เป็นทางเลือกและแสดงสไตล์ที่ชัดเจน โดยเน้นจัดสรรพื้นที่และก่อสร้างอาคารที่กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุดแต่ไม่รบกวนภูมิทัศน์เดิม ๆ มากเกินไป ด้วยการคงรูปลักษณ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นเอาไว้เพื่อเป็นความทรงจำของพื้นที่และคงไว้ซึ่งแรงบันดาลใจเพื่อใช้ทำงานศิลปะที่ชื่นชอบ
แปลนบ้าน
