แพ 500 ไร่
รีวิวที่พัก เขาสก เขื่อนรัชชประภา
เขาสก เขื่อนเชี่ยวหลาน มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า เขื่อนรัชชประภา ตั้งอยู่ใน อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี และมีชื่อเรียกแบบเก๋ๆ อีกว่า กุ้ยหลินเมืองไทย มีชื่อเรียกกันมากมาย เอาเป็นว่า แล้วแต่จะเรียกกันนะครับ ที่นี่จัดได้ว่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่แอดมินได้ใฝ่ฝันอยากจะมานานหลายปี และวันนี้เป็นโอกาสอันดี ที่ได้จัดรีวิวที่พัก ให้ได้ชมกัน ก่อนที่จะมารีวิวที่นี่ แอดมินแอบกลุ้มใจหลายๆ อย่าง ทั้งเรือที่จะไป และรถยนต์ที่นำมา จะจอดไว้ที่ไหนดี สุดท้ายแล้วก็หายเป็นกังวล เนื่องจากที่ 500 ไร่ มีสำนักงานบนฝั่ง ก่อนถึงเขื่อนเชี่ยวหลาน โดยผู้ที่มาพัก สามารถจอดรถฝากไว้กับที่สำนักงาน อีกทั้ง ยังสามารถนั่งเรือไปกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงไกด์ของ แพ 500 ไร่ ได้เลย ไม่ต้องไปรอคิวลงเรือ ซึ่งอาจไม่สะดวกเท่าไหร่นัก ทางแพ 500 ไร่ จะนำนักท่องเที่ยวนั่งรถตู้ พาเที่ยวชมสันเขื่อนกันก่อน จากนั้นลงเรือชมวิวทิวทัศน์ โดยมีไกด์ ชื่อน้องกั้ง คอยให้ความรู้ต่างๆ ทั้งนี้ แอดมินขอนำภาพวิวแค่บางส่วนมาให้ชมกันนะครับ ภาพวิวต่างๆ จะลงให้ชมแบบเต็มๆ ภาพใหญ่ที่แฟนเพจ เพราะหากลงในเว็บทั้งหมด อาจจะยาวจนเกินไป
ติดต่อที่พัก : โทร 077-953013-4 ,087-0470074 ,087-0470740
รีวิวโดย : banidea.com
ภาพถ่าย : Abhisit Suthapradit
บรรยากาศระหว่างเดินทาง แนะนำให้มากันตั้งแต่เช้า สองข้างทางหมอกลงหนามาก ทั้งๆ ที่ ในวันที่บ้านไอเดียได้ไปเที่ยวกันนั้น เป็นวันที่อากาศร้อนสุดๆ ของเดือนเมษายน หากมาก่อนเวลาลงเรือ อาจได้ถ่ายภาพขณะนั่งรถไปเพลินๆ รับประกันได้ว่า สวยตลอดเส้นทาง เมื่อไปถึงสำนักงานของ แพ 500 ไร่ สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าจอดในที่จอดรถของสำนักงานได้เลย ภายในสำนักงานมีล็อปปี้ ไว้สำหรับนั่งรอรถตู้ มีเสื้อผ้า หนังสือต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวไว้ให้ได้อ่านกันเพลินๆ
จากนั้น รถตู้พาไปยังสันเขื่อน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพกัน จะแวะที่นี่ประมาณ 45 นาที และไปรอเรือกันต่อที่ท่าเรือ ซึ่งไม่จำเป็นต้องจองเรือหรือเข้าคิว เนื่องจากหากติดต่อมาก่อน หรือมาเป็นทริปทัวร์ แพ 500 ไร่ ได้จัดเรือไว้อำนวยความสะดวกแล้ว หากใครลืมซื้อขนม ซื้อน้ำ ก็สามารถซื้อได้ที่ท่าเรือเช่นกัน ราคาสินค้า ปกติ เหมือนกับร้านค้าทั่วไป แนะนำให้ซื้อน้ำและขนมไปพอประมาณ และควรพักถุงเพื่อเก็บขยะดังกล่าวด้วย
ส่วนภาพนี้ จัดให้ตามคำขอนะครับ เป็นภาพแอดมินเอง ^^ เขินจัง ถ่ายกับเลนส์ไวด์ หน้าบวมไปหน่อยนะ ส่วนตัวดำเป็นเรื่องปกติตั้งแต่เกิดครับ ตากแดดตลอดทุกทริปยิ่งเพิ่มสีสันได้ดี เอาเป็นว่า หน้าตาดูไม่ดี ก็ให้ดูกันที่ผลงานแทนนะครับ อย่าชมกันนานๆ เดี๋ยวจะหลอน นอนไม่หลับ ไปชมภาพสวยๆ ของกุ้ยหลินเมืองไทยกันต่อครับ
บรรยากาศการนั่งเรือที่นี่ แตกต่างจากการนั่งเรือไปเที่ยวเกาะต่างๆ ทั้งอันดามันและอ่าวไทย ตลอด 360 องศา หันไปทางไหน ก็จะเห็นภูเขาโอบล้อมไปทั้งหมด มองเห็นเมฆได้อย่างชัดเจน และหากนั่งเรือยามเช้า หมอกจะปกคลุมปิดภูเขาเช่นกันครับ ท่านใดที่กลัวผิวเสีย ก็ไม่ต้องห่วงไป เพราะเรือมีหลังคา นายหัวเรือ จะจอดให้ชมจุดต่างๆ เป็นระยะ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูป สามารถเดินบนเรือได้ครับ
เมื่อมาถึง แพ 500 ไร่ มีพนักงานต้อนรับ รอเสริฟ Welcome Drink เป็นน้ำขิงเย็นชื่นใจ และมุ่งตรงโต๊ะรับประทานอาหารกันได้เลย อาหารที่นี่ เป็นแบบบุฟเฟ่ ในวันที่แอดมินได้ไปพัก มี ผักเหลียงผัดไข่ ปลาทอดราดพริก แกงส้มปลา แกงหอย ต้มเนื้อ สรุปโดยรวมก็อร่อย อิ่มเอมกันไปเลยครับ ส่วนเป็นปลาอะไรนั้น แอดมินก็บอกไม่ได้ บอกได้แค่นี้ก็พยายามที่สุดแล้ว ^^ และนางแบบสาวเซอที่กำลังทานอาหารนี้ เป็นแอดมินอีกคนนั่นเองครับ แฟนเพจหลายท่าน สงสัยกันว่า ทำไม เดี๋ยวครับ เดี๋ยวคะ คงจะได้คำตอบกันแล้วนะครับ
ข้อมูลข้างต้น เป็นข้อมูลประกอบ แต่ข้อมูลที่เน้น เป็นการรีวิว ที่พัก ด้านการดีไซน์ สำหรับ แพ 500 ไร่ โครงสร้างทั้งหมดของแพ เป็นไม้ทั้งหลัง ทาสีน้ำตาลเข้ม แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน แบบห้อง Family ซึ่งเป็นหลังใหญ่ แบ่งเป็น 2 ห้อง ทั้ง 2 ห้องเปิดประตูเข้าหากันได้ พักได้ 8 – 10 คน แต่ที่ทีมงานบ้านไอเดีย ได้เข้าพักนี้ เป็นห้องประเภทวิลล่า หลังเดียว ไม่รวมกับใคร พักได้ 4-5 คน หรืออาจมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการตกลงกันกับรีสอร์ท
ห้องพัก แบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องใหญ่ เป็นเตียงเดี่ยว มีเฟอร์นิเจอร์หวายเทียม ไว้สำหรับนอนพักผ่อน ชมบรรยากาศเขื่อนเชี่ยวหลาน สามารถยกออกไปนอกระเบียงได้ ประตู หน้าต่าง บานกระจก วงกบไม้ ปิดด้วยผ้าม่านจีบสองชั้น ด้วยผ้าทึบและผ้าโปร่ง ส่วนอีกห้อง เป็นห้องนอนชั้นลอย มีเบาะเล็ก 2 เบาะ หากเป็นในช่วงหน้าร้อน ห้องชั้นบน อาจนอนได้เฉพาะตอนกลางคืน เพราะตอนกลางวันห้องจะร้อนไปหน่อย
เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าห้องพัก ส่วนใหญ่แล้ว จะไม่ได้อยู่ภายในห้องกัน แต่จะมานั่งเล่นนอกระเบียง ซึ่งทาง แพ 500 ไร่ ได้ออกแบบให้เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ที่นี่ ช่วงกลางวันจะไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ดี เพราะหากมีไฟฟ้าใช้ตลอดทั้งวัน เชื่อได้ว่า หลายๆ คนอาจนอนตากแอร์เก็บตัวในห้องพัก ซึ่งอาจไม่ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง แต่เมื่อไม่มีไฟฟ้าใช้ สิ่งที่แอดมินเห็น นั่นคือนักท่องเที่ยว แทบจะไม่มีใครอยู่ในห้องเลย อีกทั้งทางแพ ยังมี เรือแคนู เสื้อชูชีพ ไว้ให้ทุกๆ ห้อง ได้ใช้เป็นของส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง สามารถพายเรือออกไปชมวิวทิวทัศน์ต่างๆ ได้ตามสะดวก
อีกห้องหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับประตูทางเข้า เป็นห้องอเนกประสงค์ สามารถเก็บสัมภาระต่างๆ ได้ มีบันไดเชื่อมต่อ ขึ้นชั้นลอยนั่นเอง ที่แพ 500 ไร่ มีห้องน้ำภายในทุกๆ หลัง หลังนี้ห้องอาบน้ำและห้องสุขา แยกจากกัน ลักษณะห้อง เปิดหลังคา ซึ่งไม่ทำให้ภายในร้อนอบอ้าวจนเกินไป
ชมภายในกันแล้ว ชมภายนอกกันต่อนะครับ ภาพนี้ ต้องเรียนตามตรงว่า กว่าจะได้มานั้น ทางทีมงานทุ่มทุนเสี่ยงกันพอสมควร โดยการใช้เรือแคนู หนึ่งคนพาย ส่วนแอดมินถือกล้อง คอยจับภาพ กลัวพอสมควรครับ แต่เพื่ออยากให้ผู้ชมได้เห็นภาพกันทุกๆ มุม ก็ต้องเสี่ยงถ่ายมาให้ได้ ทุ่มทุนกันขนาดนี้ อย่าลืมกดไลค์ให้กำลังใจกันด้วยน๊าาา
เมื่อถึงยามเย็น ประมาณ 6 โมง ไกด์ของเรา ก็มาตามให้ไปขึ้นเรือ เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกดิน เรือก็เป็นเรือลำเดียวกับตอนมา โดยเรือลำนี้จะอยู่กับเราไปตลอดทั้งทริป แอดมินได้ไปล่องเรือ 2 รอบ รอบพระอาทิตย์ตกดิน และรอบชมหมอกยามเช้า แต่หากใครจะมา แนะนำว่า ให้พัก 3 วัน 2 คืน ซึ่งจะได้ไปล่องเรือ เพื่อกระโดดผา ชมนก ชมสัตว์ต่างๆ อีก แอดมินรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ที่ได้พักแค่คืนเดียว หากมีโอกาสดีๆ ต้องไปให้ได้อีกครั้งแน่นอนครับ
กลับจากชมพระอาทิตย์ตกดิน ก็ถึงเวลาอาหารมื้อค่ำพอดี ผู้เข้าพัก สามารถเลือกนั่งได้ 2 ที่ นั่นคือ ภายในห้องอาหาร ในรอบกลางวัน และระเบียงกลางน้ำ ใครที่พาคู่รัก อยากโรแมนติก แนะนำนอกระเบียงเท่านั้นครับ ให้บรรยากาศดีมากๆ หลังจากทานกันอิ่มแล้ว เข้าห้องพัก รอบดึก มีไฟฟ้าให้ใช้ มีแอร์ให้ด้วยครับ หากใครจองห้องธรรมดาไว้ ต้องการแอร์เพิ่ม ก็สามารถเรียกใช้บริการได้ แต่แนะนำว่า เลือกห้องแอร์ตั้งแต่แรกเลย จะดีกว่าครับ
ต่อกันด้วยยามเช้า แอดมินตื่นตั้งแต่ ตี 5 ตั้งใจไว้ว่า ขอตื่นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้า ตื่นขึ้นมาก็พบกับบรรยากาศเช่นภาพด้านบนนี้ ผู้คนยังหลับไหล ได้โอกาส เก็บภาพมุมกว้าง หน้าห้องพักมาให้ชมกัน ตอนเช้าที่นี่ หมอกจะลงจัดมาก ทำให้พื้นระเบียงเปียกชื้นไปทั่ว เดินต่อไปยังห้องอาหาร เพื่อเก็บภาพอีกมุม หากใครจะถ่ายภาพ แนะนำตอนเช้าเท่านั้น เพราะหากตอนกลางคืน อาจถ่ายภาพได้ยากครับ เนื่องจากลักษณะที่พัก เป็นแพลอยน้ำ มีคนเดินเยอะๆ อาจทำให้การตั้งกล้องถ่ายภาพ ไม่สะดวกนัก
ทีมงานบ้านไอเดีย พักกันที่ห้อง D5 นะครับ ใครจะตามรอยแอดมิน อย่าลืม จองห้องนี้ รับประกันได้ว่า วิวสวยกว่าห้องอื่นๆ ครับ ถ่ายภาพเสร็จแล้ว ไกด์ของเรา ก็ชวนไปล่องเรือชมหมอกตอนเช้า ล่องเรือกันประมาณ 45 นาที กลับมาทานอาหารเช้า ไกด์บอกว่า ประมาณ 10 โมง เดินทางกลับ โอกาสนี้ แอดมินจึงพายเรือแคนู ชมบรรยากาศ และเล่นน้ำอีกรอบ ปิดท้ายอย่างชุ่มฉ่ำใจ
ขอสรุปการรีวิว แพ 500 ไร่ เท่าที่แอดมินได้นั่งเรือผ่านที่พักอื่นๆ กล้าบอกได้เลยว่า แพ 500 ไร่ สวยที่สุดแล้วครับ ราคาห้องพักอาจแพงกว่าที่อื่นๆ แต่เมื่อพิจารณาส่วนประกอบต่างๆ อาทิเช่น ห้องน้ำในตัว อาหาร เรือแคนู ห้องพักที่สวยและสบาย การบริการที่ดีมากๆ พนักงานให้ความเป็นกันเอง ไกด์ก็แนะนำได้ดี โดยรวมแล้ว คุ้มค่ามากครับ และหากใครจะมา แนะนำให้มากันเป็นครอบครัว จะคุ้มกว่า อาจจองเป็นหลัง ซึ่งนอนได้หลังละ 4-5 คน เลือกทริป 3 วัน 2 คืน จะได้ทำกิจกรรมครบทั้งหมด ส่วนราคาห้องพักนั้นมีหลายแพคเกจให้เลือก แนะนำให้ติดต่อทางที่พักโดยตรงนะครับ กระซิบกันสักนิดบอกว่า บ้านไอเดียแนะนำมา เผื่อได้ส่วนลดพิเศษ ขอจบรีวิวไว้เพียงเท่านี้นะครับ บ๊าย บาย ติดตามชมภาพชุดเต็ม ขนาดใหญ่ ชัดเจน ในแฟนเพจ www.faceboom.com/banidea นะครับ
เดินทางกลับแล้วนะครับ ติดตามรีวิว รีสอร์ท ทั่วประเทศไทย ได้ที่ banidea.com หากท่านใด มีรีสอร์ทสวยๆ แนะนำกัน ติดต่อมาได้นะครับ ทีมงานบ้านไอเดีย ยินดี ตามไปรีวิวให้ชมกันถึงที่ I Love Thailand