บ้านเขตร้อนที่กลมกลืนกับธรรมชาติ

หากเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว การใช้ชีวิตและทำงานในเมืองใหญ่ที่มีชีวิตที่วุ่นวายมักเป็นเป้าหมายของหนุ่มสาวหลายๆ คน ชีวิตนอกเมืองอาจจะถูกมองว่าระดับคุณภาพชีวิตต่ำกว่า แต่ทุกวันนี้เราจะเห็นว่าการอยู่นอกหรือในเมืองไม่ใช่ตัววัดระดับคุณภาพชีวิตแต่อย่างใด ตรงกันข้ามมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ย้ายจากเมืองชั้นในที่แออัดพลุกพล่านมาใช้ชีวิตในเขตชานเมืองมากขึ้น ด้วยบรรยากาศที่สบาย สงบ และอบอุ่น ถึงจะเดินทางไกลขึ้นสักนิดแต่คิดแล้วก็คุ้ม เหมือนครอบครัวนี้ในเวียดนามที่เลือกย้ายไปอยู่ชานเมืองซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับทั้งครอบครัวที่มีหลายรุ่นด้วยกัน

ออกแบบ : Nguyen Khac Phuoc Architects
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

บ้านหลังนี้สร้างอยู่แถบชานเมืองในเมืองซวนอัน เขตหงีซวน ห่าติ๋ญ ประเทศเวียดนาม เนื่องจากอยู่ติดกับเขตเมืองใหม่ริมแม่น้ำ บ้านจึงได้รับประโยชน์จากสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สวนสาธารณะ ต้นไม้ ลมเย็นริมแม่น้ำลำ แต่ก็มีข้อเสียคือที่ดินหันไปทางทิศตะวันตกมีแสงแดดส่องแรงๆ ในตอนกลางวัน ด้วยทิศทางของที่ดินบวกกับบุคลิกของเจ้าของบ้าน สถาปนิกจึงออกแบบบ้านที่มีความกลมกลืนกับธรรมชาติ เปิดให้เห็นต้นไม้สีเขียวทั้งไม้ยืนต้นและไม้เลื้อยที่ทำหน้าที่บังแสงไปด้วย ภายนอกมีสถาปัตยกรรมแบบพื้นถิ่น แต่ภายในนั้นสะดวกสบายและทันสมัย

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

บ้านนี้มีสมาชิกของครอบครัวหลายเจเนอเรชั่น ประกอบด้วยคู่แต่งงานที่มีลูก 2 คน และผู้สูงวัย ดังนั้นจึงต้องออกแบบโดยคำนึงถึงความรู้สึกและการใช้งานที่สอดรับกับช่วงวัยด้วย ซึ่งทีมงานออกแบบทำให้ผู้สูงวัยสบายกายสบายใจ เพราะยังคงรักษาแบบฉบับของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมเอาไว้ คือ หลังคากระเบื้องสีแดงเป็นลูกคลื่นมีโครงสร้างเป็นจังหวะตามพื้นที่ของบ้าน ชวนให้นึกถึงหลังคาเก่าในหมู่บ้านเวียดนาม, พื้นที่ใช้สอยกลางแจ้งที่กว้างขวางและโปร่งสบายเชื่อมต่อถึงกัน, ระเบียงขนาดใหญ่ และเชื่อมต่อกับธรรมชาติได้ทุกมุม

ที่ดินลึกถึง 50 เมตร จึงเว้นพื้นที่ข้างหน้าให้มีลานกว้างสำหรับจอดรถและจัดสวน ส่วนอาคารแรกชั้นเดียวที่อยู่ติดลานเป็นห้องนอนของผู้สูงอายุ ด้านข้างทำทางเดินจำลองตามภาพถนนในหมู่บ้านที่คดเคี้ยว ทั้งสองด้านปกคลุมด้วยต้นไม้ไปจนสุดถนน เมื่อเข้าสู่ตัวบ้านจะเห็นพื้นที่ใช้สอยส่วนรวมที่เปิดอยู่ด้านหน้าก็เป็นสีเขียวเช่นกัน

ลึกเข้าไปข้างในตัวจะเป็นอาคารสองชั้นที่เยื้องออกมาเล็กน้อยรับกับมุมมองของทางเดินที่คดเคี้ยว พื้นที่ส่วนตัวนี้จะเน้นพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้งที่มีไลฟ์สไตล์ไม่หยุดนิ่งของสมาชิกรุ่นใหม่ จุดที่ชวนโฟกัสสายตาอยู่ที่ตำแหน่งของห้องนอนที่อยู่ที่ชั้น 1 และชั้น 2 ทั้งสองชั้นเชื่อมต่อกันด้วยบันไดวนเหล็กนอกตัวบ้านที่คดเคี้ยว ทั้งสร้างความสวยงามและประหยัดพื้นที่ในบ้านไปพร้อมกัน

ฟังก์ชันของบ้านได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวเวียดนามในสมัยก่อน เช่น พื้นที่ส่วนกลางที่กว้างขวางและโปร่งสบาย ผู้สูงวัยออกมานั่งชมธรรมชาติ ทักทายเพื่อนบ้านได้สบายๆ แต่การออกแบบภายในเน้นความเรียบง่าย ทันสมัย เหมาะกับชีวิตชีวาของคนรุ่นใหม่ เราจะเห็นประตูกระจกใสที่เรียงยาวตลอดตัวอาคารช่วยให้รับแสงได้สูงสุด บนหลังคาของพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง สถาปนิกใช้กระเบื้องโปร่งลายจุดเพื่อให้แสงแดดส่องผ่าน รวมถึงสร้างจุดเด่นให้กับพื้นที่ที่ไม่เหมือนใคร

สำหรับการตกแต่งในบ้านจะเห็นว่าพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง โปร่ง โล่ง เงียบสงบ ซึ่งคู่สามีภรรยาอยากให้ลูกๆ ได้มีวัยเด็ก ได้วิ่งเล่นในบรรยากาศที่เย็นสบายไม่กักขังอยู่ในกำแพงอิฐ ที่ซึ่งครอบครัวขยายทั้งหมดจะมารวมตัวกันได้ตลอดเวลาเพื่อใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ จึงมีการคำนวณฟังก์ชั่นของบ้านและภูมิทัศน์ของสวนอย่างตั้งใจ ให้พื้นที่ทั้งหมดมองเห็นพื้นที่นอกชานขนาดใหญ่รวมเข้ากับกับห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว และห้องครัวด้านในที่เปิดเชื่อมต่อเข้าออกได้ง่าย

เฉลียงเป็นพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้งคิดเป็น 20% ของพื้นที่บ้าน มีโต๊ะรับแขกที่นั่งเล่นร่มๆ ชิงช้าสำหรับเด็ก ในพื้นที่นี้ เด็กจะไม่ถูกจำกัดให้อยู่แต่กับห้องสี่เหลี่ยมที่มีหน้าจอทีวีและโทรศัพท์ ตอบโจทย์บ้านชานเมืองเป็นพื้นที่สงบสำหรับครอบครัวที่มองหาการเปลี่ยนแปลงในชีวิต