Black Home

เมื่อคุณนึกถึง Byron Bay ทุกอย่างที่เกี่ยวกับชายหาดก็จะผุดขึ้นมารัว ๆ ทั้งแสงแดด หาดทราย และทะเล และบ้านที่สร้างโดยใช้กระจกจำนวนมากเพื่อใช้ประโยชน์จากทิวทัศน์ให้ได้มากที่สุด แต่นี่ไม่ใช่กับบ้านหลังนี้ เพราะแม้จะอยู่ใกล้อ่าวก็จริง ทว่าตั้งอยู่ไซต์บนพื้นที่ลาดเอียงบนถนนชานเมือง ตรงจุดนี้ไม่มีวิวทะลจึงต้องสร้างภูมิทัศน์ภายในขึ้นมาเอง โดยเจ้าของบ้านต้องการบ้านชั้นเดียวที่เหมาะสำหรับวัยเกษียณที่ให้ความเป็นส่วนตัวและให้ความรู้สึกถึงการพักผ่อน สามารถเชื่อมต่อร่างกายเข้ากับสภาวะแวดล้อมได้ เมื่ออยู่นอกบ้านก็ยังได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งหรือได้กลิ่นไอเกลือในอากาศ

ออกแบบ : Vokes and Peters
ภาพถ่าย : Christopher Frederick Jones
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

Stuart Vokes สถาปนิกชาวควีนส์แลนด์ได้นำเสนอความท้าทายในการเชื่อมต่อบ้านกับชายฝั่ง โดยใช้ประสาทสัมผัสอื่นนอกเหนือจากการมองเห็น จึงออกแบบบ้านให้มีระดับเดียวเพื่อให้ใช้งานได้สะดวกจนแก่เฒ่า แล้วทำพื้นที่ด้านหน้าที่ค่อนข้างปิด จังหวะที่หยุดนิ่งของไม้แผ่นและระแนงแนวตั้งสีดำทำให้เกิดม่านมืดๆ ดูลึกลับ จากถนนด้านหน้าที่มีการคัดกรองอย่างแน่นหนานี้ดูเกือบจะไม่เป็นมิตร แต่ภาพลวงตานี้จะสลายไปในทันทีเมื่อเข้ามาภายใน เมื่อแสงธรรมชาติค่อยๆ ถูกเปิดเผย และมุมมองภายนอกจากภายในที่หมุนรอบลานกลางบ้านที่เปลี่ยนอารมณ์บ้านไปในทันที

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

เพราะบ้านนี้ไม่มีวิวทะเลนอกบ้าน จึงไม่จำเป็นต้องเปิดด้านหน้า และแม้ว่าบริเวณบ้านส่วนใหญ่จะหันหลังให้ถนน แต่ทุกห้องภายในกลับมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาทางหน้าต่างหรือลานภายในที่เปิดออกกว้าง มุมมองจากภาพนี้แสดงให้เห็นว่าทางเดินภายในและภายนอกตัดกันอย่างไร เพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถเพลิดเพลินกับสวนได้โดยไม่ถูกรบกวน และตอบสนองต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย พื้นที่กิจวัตรประจำวันจึงถูกประดับประดาด้วยแสงสว่าง มีความสัมพันธ์ทางสังคม และความใกล้ชิดกับธรรมชาติ

บ้านนี้มีห้องนอน 3 ห้อง ห้องหนึ่งทำไว้สำหรับลูกสาวที่จะเข้าพักเมื่อเธอมาเยี่ยมอยู่ที่ด้านหน้าของบ้าน ขณะที่พื้นที่นั่งเล่น ห้องทานข้าวและครัว จะอยู่ลึกเข้าไปแล้วเปิดออกไปสู่พื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่ที่ด้านหลังท่ามกลางพืชพันธุ์เขียวๆ โดยรอบ เป็นบ้านที่เชิญชวนให้รับความสบายผ่านการสัมผัสถึงแสง สายลม ดมกลิ่นไอทะเลที่ลอยมาไกลๆ และส่งเสริมการเคลื่อนไหวจากในร่มไปสู่กลางแจ้งที่ไม่ซับซ้อน โดยมีห้องครัวตั้งอยู่ตรงกลางแปลนเป็นหัวใจของบ้าน ที่จำลองเคาน์เตอร์บาร์วางเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ enjoy ในฤดูร้อน

บ้านได้รับแสงและวิวในแง่มุมที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นจากประตู หน้าต่าง หรือช่องแสงที่อยู่ระดับสายตา หรือ skylight สูง ๆ ให้ภาพของท้องฟ้า ต้นไม้ อย่างในห้องนั่งเล่นที่มีโถงสูงเหนือม้านั่งบิลท์อิน เงยหน้าขึ้นไปจะเห็นกระจกติดชนมุมแบบ 90 องศา สร้างบรรยากาศที่แสนสุนทรีในทุกครั้งที่เข้ามาใช้งาน

“ถ้าคุณดูจริงๆ ว่าผู้คนมีพฤติกรรมอย่างไร ความสนใจ และงานอดิเรกของพวกเขาครอบครองอาคารอย่างไร นั่นจะกลายเป็นแนวทางที่เราจะนำมาใส่ในการออกแบบตกแต่งภายในอาคารของพวกเขา” Vokes กล่าวถึงที่มาของโซนที่แสดงให้เห็นความรู้สึกต่อความรักในหนังสือของเจ้าของ คือ ตู้ชั้นวางหนังสือบิลท์อินเต็มผืนผนังและเบย์วินโดว์ที่นั่งอ่านหนังสือได้หลายๆ จุดในบ้าน โดยสถาปนิกและเจ้าของบ้านมีมุมมองที่เห็นตรงกันว่า “แทนที่จะมีหนังสืออยู่แค่ห้องเดียวก็เปลี่ยนความคิดใหม่ว่า อันที่จริงแล้วเราสามารถอ่านหนังสือได้ทุกที่ เพราะหนังสือควรอยู่กับเราในฐานะเพื่อนในห้องต่างๆ ดังนั้นหนังสือจึงอยู่ข้างๆ ตัวได้เสมอทุกที่ ทุกเวลา”

ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอน ข้างหน้าต่าง เคาน์เตอร์บาร์ หรือแม้แต่ซอกที่นั่งเล็ก ๆ แค่พอซุกตัวก็สามารถใช้เป็นพื้นที่สงบๆ สำหรับอ่านหนังสือได้หมด

การผสมผสานระหว่างห้องกึ่งปิดและทางเดินแบบเปิดในบ้าน ทำให้การตกแต่งภายในดูโปร่งโล่ง ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่เชื่อมไปยังลานบ้านส่วนตัวยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายอากาศแบบพาสซีฟในฤดูร้อน ระแนงไม้ที่ล้อมรอบด้านหน้าอาคารด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกช่วยกรองแสงให้ได้รับแสงอาทิตย์ในระดับปานกลาง นอกจากนี้ยังมีผลพลอยได้เป็นความสะดวกสบายในการสัญจรเข้าออกภายนอกภายใน และความเพลิดเพลินกับภูมิทัศน์สวนที่สร้างเอง

ส่วนของห้องนอนนี้รวมถึงห้องทำงานส่วนตัว 2 ห้อง ได้รับการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้บิวท์อินแบบเดียวกัน และจะสังเกตว่าตรงผนังยังโชว์โครงสร้างบ้านไม้แบบเปิด ช่วยให้ดูกลมกลืนกับโครงของบ้านในส่วนอื่นๆ ที่ตกแต่งด้วยลักษณะเดียวกัน ซึ่งผนังไม้แบบนี้ไม่เพียงแต่ทำให้บรรยากาศบ้านดูอบอุ่น แต่ยังใส่ฟังก์ชันใช้งานให้เป็นมากกว่าผนังเปล่าลงไปด้วย