รีโนเวทบ้านเก่า

มีหลายครั้งเราพบเห็น “บ้าน” ที่ไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัย แต่ใช้ทำกิจการครอบครัวสืบทอดต่อ ๆ กันมาจากยุคปู่ย่าสู่ยุคหลาน เมื่อเวลาผ่านไปตัวอาคารก็ทรุดโทรมตามกาลเวลา แถมฟังก์ชันยังไม่ตอบโจทย์การใช้งาน ถึงเวลาที่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งเปลือกนอกและไส้ข้างใน “บ้านและสำนักงานในโฮฟุ” นี้ก็เช่นกัน เป็นโครงการปรับปรุงอาคารอายุ 40 ปี เดิมเป็นโรงเบียร์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2408 ที่เจ้าของรุ่นหลังอยากทำให้บ้านดูดีขึ้นแต่ยังมีกลิ่นอายของความทรงจำเก่า ๆ ต้องลองมาชมกันว่าสถาาปนิกจะแก้โจทย์ที่ต้องการได้อย่างไรครับ

ออกแบบ : Tat-o
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

อาคารโครงสร้างเหล็กนี้พื้นที่ใช้สอย 460 ตารางเมตรนี้ ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ห้องนั่งเล่น สำนักงาน โกดัง ร้านค้า และอื่น ๆ บ้านนี้เดิมเป็นโรงงานทำผลิตภัณฑ์ซอสถั่วเหลืองและมิโซะแล้ว เจ้าของต้องการนำประวัติศาสตร์มาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการด้วย สถาปนิกจึงห่อหุ้มผนังด้วยนอกด้วยไม้จากถังมิโซะเก่า ไม้สีน้ำตาลที่ดูไหม้เกรียมนี้ยังหมายถึงทั้งภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความพิเศษ เป็นการรวมบ้านเข้ากับสภาพแวดล้อมรอบบ้านด้วย และสร้างเรื่องราวที่ตอบโจทย์ความต้องการ

ส่วนหลังคาและโครงสร้างหลักของอาคารยังคงใช้งานได้ เพียงแต่เปลี่ยนเป็นหลังคาเมทัลชีท และมีการแทรกองค์ประกอบของแปลนใหม่เข้าไปในพื้นที่เปิดโล่ง โดยหมุนแกนผนังใหม่ในแนว 45 องศากับแนวอาคารที่มีอยู่ การวางแปลนแบบนี้ทำให้เกิดพื้นที่บางมุมเป็นมุมแหลม บางพื้นที่เป็นสี่เหลี่ยมคางหมู สร้างพื้นที่ที่หลากหลายภายใต้ชายคาและสนามหญ้า มองจากด้านบนจะเห็นขอบเขตกำแพงที่เหมือนเสียบระหว่างสนามหญ้าอย่างชัดเจน แม้จะแบ่งกั้นระหว่างสถาปัตยกรรมเก่ากับสถาปัตยกรรมใหม่ แต่ไม่ดูตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง มองจากด้านบนแล้วรู้สึกว่าบ้านเหมือนเขาวงกต

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

ลูกค้าต้องการสร้างสถานที่ที่มีบรรยากาศความโล่งโปร่ง สะอาดตา สำหรับส่วนของธุรกิจที่ประกอบด้วย พื้นที่สำนักงาน ร้านค้า และพื้นที่จัดเก็บเพื่อจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ โชคดีที่อาคารสำหรับโครงการปรับปรุงนี้มีขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงง่ายที่จะสร้างทั้งบ้านและธุรกิจภายในกรอบของสถาปัตยกรรมที่มีอยู่

สังเกตว่าเสาบ้านเป็นเหล็ก ไม่หนา ไม่เพิ่มความรู้สึกทึบตัน เพื่อเสาทำหน้าที่รับน้ำหนัก ก็สามารถใช้ผนังเป็นกระจกที่เปิดเลื่อนไปมาได้ในพื้นที่ขนาดใหญ่

โซนด้านหน้าที่ติดถนนจะเป็นโชว์รูม ซึ่งจัดให้เป็น Public space จะมีประตูทางเข้าแยกกับส่วนของบ้าน (แต่สามารถเดินผ่านประตูที่เชื่อมด้านในได้เช่นกัน) บรรยากาศการตกแต่งเต็มไปด้วยความสว่างจากผนังกระจกที่ติดตั้งอยู่รอบด้าน วิธีนี้จะช่วยลดข้อด้อยของการจัดผนังบางส่วนเป็นมุมแหลมหรือหักมุมที่อาจจะบดบังวิสัยทัศน์ ทำให้ทุกด้านสามารถรับวิวสนามหญ้ากว้าง ๆ แถมยังมีเก้าอี้นั่งเล่นอาบแสงแดดยามเช้าๆ ด้วย ในส่วนมุมของอาคารด้านนี้จะมีชั้นวางของ โต๊ะ ราวเสื้อผ้า แสดงตัวอย่างผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ของบริษัทให้ผู้มาเยือนได้เลือกดู

เนื่องจากลักษณะการใช้งานแบบผสมผสานของอาคารหลังนี้ ทำให้มีคนเข้าและออกทุกวันตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะวางฟังก์ชั่นของอาคารให้ค่อย ๆ กลายเป็นส่วนตัวมากขึ้น โกดังและร้านค้าตั้งอยู่ทางทิศเหนือ หันไปทางถนน ตรงกลางจะขยับมาเป็นสำนักงานและห้องต้นแบบสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะออกแบบสไตล์โมเดิร์นมินิมอล เน้นความสะอาดจากฉากหลังสีขาว งานไม้ใส่กรอบประตูหน้าต่างดูอบอุ่น ผนังกระจกใสระบแสงและรับสวนได้เต็มที่ ดูเหมือนบ้านมากกว่าที่ทำงาน

ด้านหลังสุดทางทิศใต้เป็นที่อยู่อาศัยของลูกค้า เมื่อมองจากห้องหนึ่งจะเห็นว่าชั้นของประตูและผนังกระจกจะสร้างความลึกและการไล่ระดับ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าขอบเขตระหว่างพื้นที่มีความต่อเนื่องไหลลื่น ไม่ได้ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างชัดเจน ความเฉียงของผนังก็มีส่วนที่ทำให้ลักษณะพื้นที่มีมิติแบบพิเศษออกไป

ในพื้นที่ส่วนตัวของครอบครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอน จะเน้นการใส่สัมผัสของงานไม้มากขึ้น ไม่เฉพาะไม้จริงเท่านั้น บนผนัง เพดาน ยังใช้ไม้อัดลายไม้ธรรมชาติ ไม่ทาสี ไม่ตกแต่ง เพื่อให้รู้สึกได้ถึงความเป็นธรรมชาติ สร้างความผ่อนคลายในวันที่เครียด ๆ จากการทำงานหนักมาทั้งวันได้ดี