บ้านสไตล์โมเดิร์น
บ้านโมเดิร์นที่โดดเด่นหลังนี้ ชื่อ ‘Reflection House’ เป็นผลงานที่สถาปนิก AUN Design Studio ชื่อของโปรเจ็คมีที่มาจากความทรงจำในวัยเด็กของเจ้าของบ้าน ซึ่งทีมงานบรรยายถึงความทรงจำอันน่าหลงใหลที่ขับเคลื่อนผ่านสถาปัตยกรรมให้เห็นภาพถึง “การจำลองภาพเด็กชายคนหนึ่งกำลังเล่นกับเพื่อนของเขาในละแวกนั้น พวกเขาวิ่งเข้าไปในบ้านหลังนี้ เดินเข้าเดินออกบ้านหลังนั้น นึกภาพผู้ใหญ่ยืนพิงรั้วคุยกัน ดูลูก ๆ วิ่งเล่น” ความทรงจำที่น่ารักเหล่านี้ “สะท้อน” ประสบการณ์การใช้ชีวิตในวัยเด็กของเจ้าของบ้านและความสัมพันธ์กับคุณแม่ หลังจากห่างเหินหลายสิบปีไปเติบโต ใช้ชีวิต เรียน และทำงานในต่างประเทศ เมื่อเจ้าของต้องการกลับมาก็ต้องการสร้างบ้านที่เอื้ออำนวยให้แม่ผู้เข้าสู่ช่วงสูงวัยและตัวเขาเองได้อยู่ร่วมกันแม้จะมีความต่างของวัยและโจทย์การใช้ชีวิต
ออกแบบ : AUN Design Studio
ภาพถ่าย : Wison Tungthunya & W Workspace
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
Reflection House ตั้งอยู่ภายในย่านที่อยู่อาศัยของกรุงเทพฯ ลาดพร้าว – วังหิน ตัวบ้านสร้างบนรากฐานเดิมของการก่อสร้างครั้งก่อน ท่ามกลางการถูกล้อมรอบด้วยเพื่อนบ้านใกล้เคียง การออกแบบก็แสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่มีให้กันทั้งภายในและภายนอกบ้าน รวมถึงความทรงจำที่ทั้งคู่สร้างขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในละแวกนั้น สถาปนิกจึงทำประตูบ้านที่เป็นรั้วไปในตัวด้วยระแนงโปร่ง ๆ บ่งบอกรูปทรงและขอบเขตบ้าน สร้างความต่อเนื่องกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมโดยไม่ดูเกะกะ ระแนงเหล็กที่ใช้ทำรั้วยังช่วยให้พื้นที่โปร่งโล่งและตัดกับตัวบ้านที่แข็งแรงได้อย่างโดดเด่น
ลักษณะตัวอาคารเป็นบ้านที่เรียบง่ายด้วยดีไซน์เส้นสายเรขาคณิตธรรมดา วัสดุ และสีที่เลือกใช้ สถาปนิกเลือกทิ้งพื้นผิวคอนกรีตเปลือยของอาคารไว้โดยไม่ทาสี และเลือกใช้สีเข้มสำหรับกรอบทางเข้าทำให้เส้นสายตาชัดเจน พร้อมต้อนรับการมาถึงบ้านด้วยความโปร่งเบาของผนังกระจกที่ใช้ในบริเวณกว้าง
เนื่องจากงานอดิเรกและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของเจ้าของบ้าน สถาปนิกจึงแบ่งแปลนบ้านออกเป็นสัดส่วนสำหรับการใช้งานที่สะดวกสำหรับคนต่างวัย เป็นสองส่วนในสองระดับ โดยเลือกที่จะวางตัวบ้านไว้ตรงกลางเพื่อสร้างพื้นที่เปิดโล่ง สองฝั่งมีสวนรับลมและแสงธรรมชาติ ชั้นล่างหลัก ๆ จะเป็นพื้นที่ใช้ชีวิตของคุณแม่ มีห้องนั่งเล่นส่วนตัว ซึ่งรวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง คือ ห้องครัว และห้องรับประทานอาหารด้วย ส่วนชั้นบนจัดเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับลูกชาย
จุดที่ต้องโฟกัสสายตาอยู่ที่บันไดขึ้นชั้นสอง ซึ่งใช้วัสดุหลัก ๆ เพียง 2 อย่างคือคอนกรีตกับแผ่นเหล็กปี๊มรูกลมสีขาว ที่ถูกจัดวางเป็นเหมือนงานศิลป์กลางบ้าน สนองความหลงใหลในงานศิลปะของเจ้าของบ้านได้อย่างดี โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก “โอริกามิ” ศิลปะการพับและปั้นกระดาษของญี่ปุ่นให้เป็นประติมากรรมที่สมบูรณ์ แผ่นเหล็กเจาะรูบาง ๆ แต่ละแผ่นจะพับเป็นรูปทรงเรขาคณิตเพื่อเสริมความแข็งแรงด้วยตัวเอง ไม่ต้องการการเสริมเพิ่มเติม
รูกลมพรุนทั่วแผ่นทำให้บันไดมีลักษณะกึ่งโปร่งแสงสวยงาม ส่วนคอนกรีตสามขั้นแรกจะแยกออกมาจากแผ่นเหล็ก ทำให้เหมือนบันไดลอยตัวดูเก๋ ยิ่งเปิดไฟบันไดยิ่งดูสวยมีมิติมากขึ้น
เฟอร์นิเจอร์ที่นี่เน้นแค่ไม่กี่ชิ้น แต่ทุกชิ้นจะสะดุดตามีอิทธิพลต่อการออกแบบภายใน ส่วนใหญ่เป็นของใช้ของตกแต่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเคลื่อนที่ได้ ทั้งนี้เพื่อความยืดหยุ่นและตอบสนองความต้องการของเจ้าของที่ต้องการควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง สำหรับการทิ้งพื้นผิวของผนังและเพดานไว้เป็นปูนเปลือย แล้วใช้สีขาวเป็นพื้นหลังในบริเวณกว้าง จะช่วยสร้างความรู้สึกสบายตา ให้เจ้าของสามารถแขวนสิ่งของจากคอลเลคชันส่วนตัวของเจ้าของบ้าน เช่น ภาพวาด เก้าอี้ โคมไฟ นาฬิกา และงานศิลปะ ที่ถูกขับเน้นจากพื้นหลังสีเรียบๆ ได้มีมิติที่น่าสนใจ
ชั้นสองทำหน้าที่เป็นพื้นที่ของเจ้าของ ออกแบบมาสำหรับชายหนุ่มผู้รักความสนุกสนานกับเพื่อนสมัยเด็ก พื้นที่ส่วนตัวจึงถูกออกแบบให้อำนวยความสะดวกในการพบปะสังสรรค์ (พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่ม) รวมถึงการมารวมตัวเชียร์บอลในวันหยุด ซึ่งอาจมีการส่งเสียงดัง ดังนั้น เพื่อไม่ให้รบกวนคุณแม่ จึงจัดห้องนั่งเล่นอยู่บนชั้นสองตั้งอยู่ติดกับบาร์ พร้อมระเบียงขนาดเล็กเพื่อขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้นสำหรับความบันเทิง มีห้องน้ำสำหรับแขกตกแต่งสวยงามเต็มรูปแบบพร้อมฝักบัวซ่อนอยู่ด้านหลังบาร์ ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของพื้นที่เมื่อมีแขกเข้าพัก
ห้องนอนตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องทำงาน โดยอยู่ในตำแหน่งที่สามารถรับวิวภายนอกได้หลากหลาย ในขณะที่สามารถเชื่อมต่อผ่านห้องแต่งตัวและห้องน้ำ เหนือห้องแต่งตัวและห้องน้ำ มีพื้นที่พักผ่อนสำหรับเล่นโยคะหรือทำสมาธิ เป็นบ้านที่คิดมาอย่างดีเพื่อทุกคนและรองรับทุกกิจกรรมที่ชอบอย่างแท้จริง
